“อรรถกร” เผย จุดยืน พปชร. คลอดกฎหมายลูกทันใช้ก่อนเลือกตั้งใหญ่ ปี 66 ไม่บังคับ ส.ส.เข้าประชุมร่วม 10 ส.ค. รับชนกับวันสำคัญวันกำนันผู้ใหญ่บ้าน ชี้ ตีตกหาร 500 ไม่ใช่ทางตัน ใช้ร่าง กกต.ได้ สูตรไหนก็ไม่มีปัญหา
วันนี้ (8 ส.ค.) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐเรื่องสูตรการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหาร 100 และหาร 500 ว่า ไม่ว่าจะเป็นสูตรใด วันที่ 15 ส.ค. นี้ เราก็จะเห็นชัดเจนว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประเทศไทยจะจัดการเลือกตั้งใหญ่ใช้สูตรไหน ซึ่งขณะนี้ยังมีการถกเถียงกันระหว่างสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่า สูตรไหนจะเป็นสูตรที่เหมาะสมในเวลานี้ ส่วนตัวตนคิดว่า ถ้าเป็นสูตรหาร 100 ก็จะมีความสอดคล้องกับกฎหมายที่ยื่นผ่านสภาในวาระ 1 มากกว่า โดยเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า การยื่นกฎหมายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่. …) พ.ศ. … ก็เป็นที่ยอมรับของสมาชิกรัฐสภาอยู่แล้ว ตนจึงมองว่า ไม่ว่าจะใช้สูตรหาร 100 หรือสูตรหาร 500 ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐคำนึงถึง คือ กฎหมายฉบับดังกล่าว จะต้องบังคับใช้ให้ทันเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2566 ซึ่งคือหลักประกันแรก เพื่อไม่ให้เกิดภาวะสุญญากาศ และไม่ให้เกิดความซับซ้อนให้แก่ประชาชน นั่นคือจุดยืนของพรรค พปชร.
เมื่อถามว่า ในการประชุมวิปรัฐบาลวันนี้ (8 ส.ค.) จะมีการกำชับให้สมาชิกเข้าร่วมประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 10 ส.ค. หรือไม่ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยระบุว่าจะไม่เข้าเป็นองค์ประชุมว่า ตนเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ คงไม่สามารถไปร่วมพูดคุยหรือประสานกับพรรคเพื่อไทยในเรื่องการเข้าประชุมได้ แต่ในการประชุมวิป 3 ฝ่าย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ก็แสดงความเป็นห่วงการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 10 ส.ค. เนื่องจาก ส.ส.หลายคน ได้นัดเพื่อเข้าร่วมงานในวันกำนันผู้ใหญ่บ้านไว้แล้ว ซึ่งเป็นวันที่สำคัญ ดังนั้น เราจึงขอความร่วมมือสมาชิกพรรคว่า หากเป็นไปได้ขอให้มาร่วมประชุมรัฐสภา แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไปบังคับว่า ทุกคนจะต้องหลบหรือเบี้ยวงานในพื้นที่
เมื่อถามถึงแนวโน้มว่าพรรคพลังประชารัฐจะยื้อกลับไปใช้สูตรหาร 100 หรือไม่ นายอรรถกร กล่าวว่า อย่าเรียกว่ายื้อ ตนคิดว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ในวันที่ 10 ส.ค. ก็รู้อยู่แล้ว แต่ในการที่เราจะผ่านกฎหมายนี้ มีหลายวิธี หากกฎหมายฉบับนี้พิจารณาไม่เสร็จก็ไม่ใช่ทางตันของจุดมุ่งหมายปลายทาง นั่นคือ การเลือกตั้ง ซึ่งสามารถใช้กฎหมายที่ผ่านในวาระที่ 1 ซึ่งยื่นโดยคณะรัฐมนตรี หรือกฎหมายที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอได้เหมือนกัน นั่นก็คือทางออกหนึ่ง
เมื่อถามต่อว่า การกระทำแบบนี้คือการทำให้ ส.ส.ขาดความรับผิดชอบหรือไม่ เพราะ ส.ส.ต้องทำงานในสภาเป็นหลัก การที่ออกไปงานนอกในช่วงที่มีการประชุมสำคัญ นายอรรถกร กล่าวว่า บริบทการเมืองของเมืองไทย ตนเรียนว่า หากเราไม่ให้ความสำคัญของพื้นที่เลย โอกาสที่จะกลับมาทำงานที่สภาก็ยากเหมือนกัน คงต้องชั่งน้ำหนัก และตนมองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน บางครั้งทางเลือกที่พรรคพลังประชารัฐเลือกในอนาคตอันใกล้อาจจะไม่ถูกใจทุกคน แต่ตนเชื่อว่า ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐคงคิดมาแล้ว ว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด