xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวไกล.ยื่น ป.ป.ช.ฟัน “บิ๊กตู่-ครม.-ตร.” ปมทุจริตกองบินตำรวจ-ตั๋วช้าง ชี้ ใช้อำนาจไม่ชอบ ทำงบแผ่นดินเสียหาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (5 ส.ค.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอให้ไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งคณะรัฐมนตรี ข้าราชการตำรวจระดับสูง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในกรณีที่ นายรังสิมันต์ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบที่เกิดขึ้นภายในกองบินตำรวจ

โดยคำร้องที่นำมายื่นมี 2 เรื่องหลัก คือ 1. เรื่องการทุจริตกรณีกองบินตำรวจสั่งจ้างบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซ่อมอากาศยาน ก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณปี 2563 จนต้องนำงบกลางไปชำระหนี้เป็นจำนวนถึง 937 ล้านบาท และกรณีกองบินตำรวจทำสัญญาแลกเปลี่ยนอะไหล่อากาศยาน นำอะไหล่ที่ใช้งานได้ไปแลกโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และตีราคาต่ำเกินจริง กระทำการโดย พล.ต.ต.กำพล กุศลสถาพร อดีตผู้บังคับการกองบินตารวจ และพวก ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้บังคับบัญชาสูงสุด ของข้าราชการตารวจแม้จะรับทราบถึงกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้ว แต่กลับปล่อยปละละเลยให้เกิดการ ประวิงเวลาในกระบวนการสืบสวนสอบสวนและพิจารณาวินิจฉัยลงโทษผู้กระทาความผิด ไม่กำกับดูแลข้าราชการตารวจ จนแจ้งปฏิเสธหนี้ต่อกรมบังคับ คดีไม่ทันกาหนดเวลา ส่งผลให้ สตช. กลายเป็นลูกหนี้เด็ดขาดและต้องถูกศาลล้มละลายบังคับให้ชำระหนี้ ตลอดไปจนถึงร่วมกับคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้การก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณของ สตช. ชอบด้วย กฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลรับรองความชอบของการกระทำของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

2. เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยปละละเลยให้มีการอ้าง “ตั๋วช้าง” หรือหนังสือจาก ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาใช้จัดทำแผนถวายความปลอดภัยขบวนเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ โดยมี พล.ต.ต.ณรงค์รัตน์ พิชัยณรงค์ รองผู้บัญชาการ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ เป็นผู้จัดทำแผนและผนวกประกอบแผน และ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ลงนามอนุมัติแผน มีเนื้อหาแต่งตั้ง พล.ต.ต.กาพล เป็นผู้อำนวยการ รวมถึงนักบินเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งภายหลังจากที่โดยปราศจากอำนาจตามกฎหมาย ทั้งยังไม่ได้รับการตรวจสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจสาหรับความเป็นนักบินตามเกณฑ์ของ สตช. ซึ่งถือเป็นการนำสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองการกระทำทั้งสองเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ คณะรัฐมนตรี และข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง เป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 อันมีโทษ ฐานเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต จำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ในกรณีการสั่งจ้างเกินงบประมาณและทำการสัญญา แลกอะไหล่ ความผิดตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ฐานข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพัน หรือโดยรู้อยู่แล้วยินยอมให้กระทำการดังกล่าวนั้นโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ. นี้ จะต้องรับผิดชดใช้เงินงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณได้จ่ายไปหรือต้องผูกพันจะต้องจ่าย ตลอดจนค่าสินไหมทดแทนใดๆ ให้แก่หน่วยรับงบประมาณ การกระทำขัดต่อ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และ พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 ในกรณีออกตั๋วช้างและตั้งหน่วยงานนอกกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2561 ที่ให้ใช้บังคับแก่คณะรัฐมนตรีด้วย ในข้อ 7 ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่ง หน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และอาจรวมถึงข้อ 9 ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทาให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ ด้วย

“การยื่นคำร้องครั้งนี้ พรรคก้าวไกลเห็นว่าแม้ว่าการเรียกร้องความรับผิด ทางการเมืองต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะไม่ประสบผลสาเร็จ แต่กรณีการ ทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อทั้งงบประมาณแผ่นดิน การปฏิบัติหน้าที่ ของหน่วยงานราชการ ที่สำคัญคือเป็นการบ่อนทำลายหลักการ “ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง” ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และธำรงวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดให้ฝังรากลึกในระบบราชการไทยสืบต่อไปตัว พล.อ. ประยุทธ์และรัฐบาลมีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องป้องกันและปราบปรามการกระทำเหล่านี้ ทั้งยังเคยได้รับการ ชี้แนะถึงปัญหาที่มีอยู่มาแล้วหลายครั้งผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอดที่ผ่านมา แต่กลับยังปล่อยปละละเลยให้เกิดขึ้นอยู่ร่ำไป จึงจำเป็นที่จะต้องร้อง ป.ป.ช. ซึ่งพรรคก้าวไกลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ป.ป.ช. จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เรียกข้อมูลที่อาจยังไม่ถูกค้นพบอย่างละเอียดถี่ถ้วน และมีความเห็นต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยไม่ชักช้า”




กำลังโหลดความคิดเห็น