CAAT รายงานการเคลื่อนย้ายอากาศยานออกจากทางวิ่ง เข้าสู่หลุมจอดอากาศยานได้สำเร็จ พร้อมเคลียร์พื้นที่สนามบินกลับสู่มาตรฐานความปลอดภัย
วันนี้ (5 ส.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง จากการเคลื่อนย้ายเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ที่ประสบเหตุไถลออกนอกทางวิ่ง (Runway Excursion) ขณะที่นักบินกำลังนำเครื่องบินลงจอด ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (ทชร.)
ล่าสุด สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งลงพื้นที่ติดตามกำกับดูแลและประสานงานกับ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (ทชร.) อย่างใกล้ชิด กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบประเมินพื้นที่สนามบิน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ พร้อมทั้งให้คำปรึกษา ทชร. ในการแก้ไขปรับปรุงพื้นที่ โดยมีความคืบหน้า ดังนี้
1. สนามบินได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายอากาศยานของสายการบินนกแอร์ที่ไถลออกนอกทางวิ่งขึ้นมาจากพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ไปอยู่บนทางวิ่ง (Runway) ได้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันนี้ และล่าสุด เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา สามารถเคลื่อนย้ายอากาศยานลำดังกล่าวออกจากทางวิ่ง และจอดอากาศยานบริเวณหลุมจอดที่เตรียมไว้ได้สำเร็จ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการเคลื่อนย้ายอากาศยานออกจากทางวิ่ง เนื่องจากล้อหน้าของอากาศยาน (Nose gear) หัก จึงใช้รถบรรทุกสัมภาระ (Dolly) มาช่วยในการเคลื่อนที่แทนล้อหน้าของอากาศยาน ทำให้อากาศยานเลี้ยวไปตามเส้นทางการเคลื่อนย้ายได้ค่อนข้างยาก ประกอบกับสภาพอากาศที่มีฝนตกเป็นระยะทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงาน
2. สนามบินกำลังดำเนินการปรับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ส่วนที่มีการถมดิน ไปก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยในการเคลื่อนย้ายอากาศยาน จึงต้องปรับค่าระดับพื้นที่กลับดังเดิมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการเคลื่อนย้ายอากาศยานออกจากทางวิ่ง
3. สนามบินกำลังเร่งเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางออกจากทางวิ่ง กำจัดวัตถุแปลกปลอม (Foreign Object Debris : FOD) ซ่อมแซมระบบไฟฟ้าสนามบิน รวมถึงตรวจวัดค่าความเสียดทานทางวิ่ง เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานทางวิ่งได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุด
เมื่อสนามบินแก้ไขปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว CAAT จะตรวจสอบมาตรฐานสนามบินก่อนอนุญาต ให้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากไม่มีข้อขัดข้องด้านมาตรฐานความปลอดภัย คาดว่า จะพร้อมสำหรับเปิดใช้งานได้ภายในวันที่ 5 ส.ค. 2565