วันนี้ (5 ส.ค.) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ คณะทำงานด้านการเมือง พรรคกล้า กล่าวตั้งคำถามถึงกรณีสภาล่ม จนอาจทำให้การพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ไม่ทันกำหนดเวลา ว่า ตลอด 5 เดือน เราต่อสู้กับความไร้วินัยในการทำงานของ ส.ส. ที่ทำให้สภาล่มต่อเนื่อง ล่าสุด (3 ส.ค.) สภาล่มอีกครั้ง คราวนี้ บางพรรคออกมายอมรับตรงๆ ว่า จงใจไม่กดบัตรเข้าแสดงตน ต้องการยื้อร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้พิจารณาไม่เสร็จภายใน 15 ส.ค. เพื่อกลับไปใช้กติกาหาร 100 ที่ตนได้เปรียบ
นายพงศ์พล กล่าวว่า 3 ปีกว่าๆ สภาล่ม 20 ครั้ง มูลค่าความเสียหายเฉียด 83.6 ล้านบาท แท็กติกทำสภาล่มมีความเสียหายครั้งละ 4 ล้านกว่าบาท ล่าสุด ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. ทั้งสิ้น 12 มาตรา ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าถึงการคุ้มครองทางกฏหมายเร็วขึ้น, เพิ่มโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ดึงเรื่องล่าช้า, เพิ่มช่องทางติดต่อหน่วยงานทางดิจิทัลได้ตรง นี่คือ กฎหมายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ต้องหยุดแค่มาตรา 8 เพราะองค์ประชุมในสภาไม่ครบ
“ค่าเสียหายจากเหตุสภาล่ม รองนายกฯ ด้านกฎหมาย บอกว่า เรียกร้องเอาคืนอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติ หัวหน้าพรรคแกนนำฝ่ายค้านก็ขยันใช้วิธีทำสภาล่ม ประธานสภาฯ ก็บอกสภาล่มบังคับไม่ได้ ส.ส.มีเอกสิทธิส่วนตน ผมแปลกใจทำไม นักการเมืองรุ่นใหญ่เค้ามองเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่เปลืองเงินหลวง เปลืองเวลาที่กฎหมายดีๆ อื่นๆ จะได้รับการพิจารณา” นายพงศ์พล กล่าว
นายพงศ์พล กล่าวด้วยว่า ตนเองและคณะทำงานพรรคกล้า เคยรวบรวมรายชื่อประชาชนกว่าหมื่นรายชื่อ ยื่นต่อคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ขอให้พิจารณามีมาตรการลงโทษตัดเงินเดือนกับสมาชิกที่ไม่เข้าแสดงตน จนเป็นเหตุให้สภาล่ม เพราะถือว่าไม่มาทำงาน เช่นเดียวกับมาตรฐานคนทำงานทั่วไป แต่ทางกรรมาธิการกิจการสภา กลับมาหนังสือตอบกลับเชิงว่า มีมาตรการเพียงพอแล้ว จนสุดท้ายสภาก็ล่มอีก ส.ส.บางส่วนไร้ซึ่งเกียรติ ขาดความรับผิดชอบ ไม่สนผีสนแดดว่าประชาชนที่เลือกท่านมาจะผิดหวังเพียงใด ที่กลายเป็นคนไม่ทำหน้าที่ ใช้ช่องโหว่กฎหมาย ด้อยค่าประชาธิปไตยตัวเอง ส่วนจะเอาระบบเลือกตั้งแบบไหนก็ให้ตกลงกัน แต่อย่าทำเสียงบหลวง เสียเวลาทำงานแบบนี้