xs
xsm
sm
md
lg

แชตลับ "โจ้ ถุงดำ" สุดแค้นทนายตั้ม แถม VVIP อยู่สบาย สั่งย้ายผู้คุมได้ ?!! ** ใช้เกมสภาเล่นปาหี่กฎหมายเลือกตั้ง กลับไปสูตรหาร 100

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**แชตลับ "โจ้ ถุงดำ" สุดแค้นทนายตั้ม แถม VVIP อยู่สบาย สั่งย้ายผู้คุมได้ ?!!

กลายเป็นดรามาขึ้นมาพลันเมื่อ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความ ถึงกรณีแม่ของ "พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล" หรือ “อดีตผู้กำกับโจ้”ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาประหารชีวิต แต่ได้ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

โดยจะไม่ขออุทธรณ์ เพราะลูกชายสำนึกผิดแล้ว และรู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ขาดความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต

“ทนายตั้ม” ไม่เชื่อว่า “อดีตผู้กำกับโจ้”จะสำนึกผิดจริง เพราะเดือนก่อนยังขู่อาฆาตจากในเรือนจำ โดยทราบจากคนรู้จักว่า อดีตผู้กำกับโจ้ พูดถึงตัวเองในเรือนจำว่า เป็นต้นเหตุให้เขาต้องติดคุกเนื่องจากเป็นคนนำคลิปเหตุการณ์ ขณะอดีตผู้กำกับโจ้ใช้ถุงดำคลุมศีรษะ ทรมานผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนตกเป็นข่าวอื้อฉาว

ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ข้อความอาฆาตแค้นจาก “แชตลับ” ทำให้ “ทนายตั้ม” ขยายผลด้วยว่า “อดีตผู้กำกับโจ้” ที่อยู่ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม อยู่อย่างสุขสบาย และยังมีอำนาจที่ทำให้มีการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่เรือนจำไปจำนวน 4 นาย

พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล
เรียกว่า ตามข้อมูลของทนาย อดีตผู้กำกับโจ้ มีเพาเวอร์ไม่ธรรมดาจริงๆ. ซึ่ง “ทนายตั้ม” ตั้งข้อสังเกตว่า การที่อดีตผู้กำกับโจ้ยอมรับ และสำนึกผิดเป็นวิธีที่ทำให้เขาได้รับการพิจารณาลดโทษ และถ้ามีการพิจารณาเป็นนักโทษชั้นดี ก็จะได้รับการลดหย่อนโทษอีก

หลายคนสงสัยว่า แบบนี้ “อดีตผู้กำกับโจ้” จะติดคุกจริงกี่ปี เป็นคนอื่นคงจะมี15 ปี แต่ระดับอดีตผู้กำกับโจ้ ทนายคนดังเชื่อว่า เขาคงหวังว่าจะติดซัก 5 - 7 ปี ก็ออกมาลั้ลลา ได้แล้ว

ขณะที่ “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” ทนายความชื่อดังอีกคน ก็โพสต์ถึงกรณีเดียวกัน ไม่เชื่อว่า ที่ “อดีตผู้กำกับโจ้” ไม่อุทธรณ์ เพราะสำนึกผิดจริง ๆ คนสำนึกผิดจริง คงไม่แถต่อสู้คดี ทั้งๆ ที่มีพยานหลักฐานชัดเจนขนาดนั้น

เชื่อว่า เขาคงรู้ หรือคาดหมายได้ว่าจะมีพระราชทานอภัยโทษเร็วนี้ เพื่อให้มีสิทธิรับพระราชทานอภัยโทษ จึงต้องยอมเป็นนักโทษเด็ดขาดโดยไม่เต็มใจ มันคือแผน 2 หลังจากไม่รอดแผน 1

เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นก็ร้อนถึง "ธวัชชัย ชัยวัฒน์" รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ ออกมาปฏิเสธ ที่อ้างถึง "แชตลับ" ชี้แจงว่า “อดีตผู้กำกับโจ้” ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้รับการปฏิบัติเหมือนผู้ต้องขังทั่วไป ไม่มีอภิสิทธิ์ หรือได้รับสิทธิพิเศษเหนือผู้ต้องขังรายอื่น เนื่องจากผู้ต้องขังทุกรายได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เช่นเดียวกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ และไม่ได้มีอำนาจในการสั่งย้ายผู้คุม หรือเจ้าหน้าที่รายหนึ่งรายใดทั้งสิ้น

ภายในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ผู้ต้องขังทุกราย ไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์สื่อสารใดได้

ษิทรา เบี้ยบังเกิด
ดังนั้น กรณี "แชตลับ" ดังกล่าวที่ถูกกล่าวถึง จึงไม่ได้ถูกส่งมาจาก “อดีตผู้กำกับโจ้” ซึ่งอยู่ภายในเรือนจำฯ การสนทนาผ่านแชต เป็นการสื่อสารของบุคคลภายนอก ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังภายในเรือนจำแต่อย่างใด

มาถึงตรงนี้ ว่ากันตามหลักกฎหมาย คดีนี้อยู่ระหว่างการขยายระยะเวลาอุทธรณ์โดยครอบครัวยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา แต่ยื่นขอให้คดีถึงที่สิ้นสุด เเละยื่นต่อศาลว่า ไม่ประสงค์ที่จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรค 2 บัญญัติไว้ว่า ศาลชั้นต้น มีหน้าที่ต้องส่งสำนวนคดีที่พิพากษาให้ลงโทษ “ประหารชีวิต” หรือ “จำคุกตลอดชีวิต” ไปยังศาลอุทธรณ์ในเมื่อไม่มีการอุทธรณ์คำพิพากษานั้น คำพิพากษาเช่นว่านี้จะยังไม่ถึงที่สุด เว้นแต่ศาลอุทธรณ์จะได้พิพากษายืน

งานนี้...เห็นทีต้องติดตามกันต่อไป



** ใช้เกมสภาเล่นปาหี่กฎหมายเลือกตั้ง กลับไปสูตรหาร 100

ที่ประชุมรัฐสภาล่ม เมื่อวันก่อน ระหว่างการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... วาระสอง ถูกวิพากวิจารณ์ว่า เป็นเจตนาของสองพรรคใหญ่ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต้องการให้ล่ม เพื่อยื้อเวลาให้กฎหมายลูกเลือกตั้งสูตรหาร 500 ที่อยู่ในคิวถัดไปพิจารณาไม่ทัน ต้องตกไปตามกรอบเวลา 180 วัน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 ส.ค.นี้

“หมอระวี” นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ซึ่งเป็นหัวเรียวหัวแรงในการผลักดันสูตรหาร 500 ถึงกับออกมาแฉว่า

นพ.ระวี มาศฉมาดล
สภาล่มแบบผิดปกติครั้งนี้ เกิดจากการเล่นเกมของพรรคใหญ่อันดับหนึ่ง และสอง ที่ส.ส.ไม่ยอมแสดงตนร่วมประชุม มีความพยายามจะคว่ำการประชุม เพื่อที่กฎหมายลูกเลือกตั้งจะไม่มีโอกาสเข้าสภา และต้องย้อนกลับไปใช้สูตรหาร 100 ตามร่างที่ ครม.ยื่นเข้ามาในตอนแรก

เล่นกันถึงขั้นมีการออกคำสั่งให้ ส.ส.ในพรรคเซ็นชื่อเสร็จแล้วกลับบ้านได้เลย แต่เมื่อมีส.ส.บางคนยังอยู่ร่วมประชุม ก็มีตัวแทนมาไล่ให้กลับบ้าน บอกว่านายสั่งให้กลับ ส.ส.พรรคเล็กบางคน ก็ถูกสั่งให้กลับบ้านเหมือนกัน จนในที่สุดสภาก็ล่ม

แต่ “นิโรธ สุนทรเลขา” ส.ส.พลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาล ก็พยายามออกมาชี้แจงว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะในวันนั้นมีการประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 ในเรื่องที่สำคัญ ต้องใช้เสียงองค์ประชุมในการลงมติเหมือนกัน ทำให้ส.ส.ที่เป็นกมธ. ต้องวิ่งรอกสองห้องประชุม ตั้งแต่ช้าจรดเย็น ตนเองก็อยู่ในห้องประชุมร่วมรัฐสภา แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเรื่องงบประมาณแผ่นดินก็สำคัญเหมือนกัน

ส่วนที่ถูกมองว่าพรรคพลังประชารัฐจับมือกับพรรคเพื่อไทย ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ นั้น “นิโรธ” บอกว่าจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร อย่าลืมว่าเขาเป็นฝ่ายค้าน เราเป็นรัฐบาลนะ ...

ต่างจาก “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมายืดอกรับว่า เป็นการใช้ “กลไกสภา” เป็นเจตนาต้องการให้ล่ม เพื่อระงับยับยั้งกฎหมายที่เห็นว่ามีปัญหา หรือออกไปใช้บังคับไม่ได้ จึงทำตามช่องรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 ที่เปิดไว้ให้

 นิโรธ สุนทรเลขา
“หมอชลน่าน” บอกว่า พรรคเพื่อไทยมีเจตนารมณ์ใช้สูตรหาร 100 มาตั้งแต่ต้น เมื่อมาแพ้โหวต สูตรหาร 500 เราก็ต้องหาทางเพื่อกลับไปใช้สูตร 100 เหมือนเดิม ซึ่งก็มี 3 วิธี คือ 1. ปล่อยให้มีการพิจารณา ลงมติวาระ 3 สูตรหาร 500 แล้วไปรอคำทักท้วงของ กกต. ศาลรธน. หรือศาลฎีกา 2. คว่ำในวาระ 3 และ3. ใช้กลไกสภาตามรธน. มาตรา132

แม้ทางเลือกที่ 1 จะดูดีกว่าทางอื่น แต่เราก็ไม่แน่ใจว่า กกต. กับศาลฯ จะทักท้วงหรือไม่ ส่วนแนวทางที่ 2 พรรคเพื่อไทยจะเอาเสียงที่ไหนไปคว่ำ ก็เหลือแต่แนวทางที่ 3 แม้จะดูว่าในกระบวนการตรากฎหมาย มันไม่ชอบธรรมเท่าไหร่ แต่บังเอิญมีสมาชิกรัฐสภามาร่วมกับเรา เราไม่ได้เป็นผู้โน้มนาวชักจูง เรายืนอยู่จุดนี้มาตลอด แต่เขามาเอง

ทั้งหมดจึงไม่อยากให้เรียกว่าเกม แต่เป็น “กลไกรัฐสภา” ที่จะทำในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด!!

หัวหน้าพรรคใหญ่ฝ่ายค้าน เผยความในใจชัดๆ อย่างนี้ แม้หัวหน้าพรรคใหญ่ฝ่ายรัฐบาลจะไม่ได้ออกมาชี้แจงอะไร แต่เชื่อว่าคงคิดไม่ต่างกัน

ขณะนี้เหลือเวลาของที่ประชุมรัฐสภา สำหรับพิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้ง คือ วันที่ 9 ส.ค. และ 10 ส.ค. ซึ่งล่าสุดที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ได้หารือกันแล้วว่า วันที่ 9 ส.ค.จะต้องใช้ในการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ... ที่จะต้องพิจารณาให้ทันกรอบเวลาเหมือนกัน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
จึงเหลือเพียง วันที่ 10 ส.ค.เพียงวันเดียว และเมื่อเปิดประชุม ก็ต้องพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... วาระสอง ในมาตราที่ค้างต่อ เสร็จแล้วจึงจะถึงคิว ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.
แค่นี้ก็เห็นแล้วว่า มีความตั้งใจกันแค่ไหน แล้วกฎหมายลูกเลือกตั้งสูตรหาร 500 จะไปเหลืออะไร !!
ถึงวันนี้ลองนึกย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น ก็จะเห็นว่าฝ่ายรัฐบาลที่กุมอำนาจ ต้องการสร้างกติกาเลือกตั้งให้ได้เปรียบคู่แข่ง จึงแก้รัฐธรรมนูญให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบ สูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 ซึ่งพรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย ก็ชอบ แต่บรรดาพรรคเล็ก ไม่ชอบเพราะสูญพันธุ์แน่ๆ เมื่อมีโอกาสจึงใช้เงื่อนไข หาร 500 มาต่อรองกับรัฐบาลในเกมสภา
ที่เห็นชัดเจนก็ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่กลุ่มพรรคเล็ก เคลื่อไหว กดดัน ขู่โหวตสวน จน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องปล่อยข่าวดังๆออกมาก่อนวันโหวตศึกซักฟอก 1วัน ว่าอยากได้สูตรหาร 500 แล้วที่ประชุมรัฐสภา ก็โหวตเอาสูตรหาร 500 ขึ้นมา ตามที่“บิ๊กตู่” ส่งสัญญาณ
เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไป รัฐมนตรีทุกคนผ่านฉลุย ก็ถึงคราวที่จะต้องกลับไปใช้สูตรหาร 100 ตามเดิม เพราะคิดแล้วคิดอีกจนตกผลึกว่า สูตรนี้ได้เปรียบแน่
บังเอิญพรรคใหญ่ฝ่ายรัฐบาล กับพรรคใหญ่ฝ่ายค้านเห็นตรงกัน “ปาหี่ล่มสภา” ที่เรียกันแบบสวยหรู ดูดีว่า “กลไกรัฐสภา” จึงเกิดขึ้น




กำลังโหลดความคิดเห็น