xs
xsm
sm
md
lg

แจ็กสัน หวัง "วันไชน่า" กับดรามา "ไต้หวัน" ระอุโซเชียล **พลังประชารัฐจับมือเพื่อไทย ขัดใจ“ชวน” เล่นเกมสภา คว่ำสูตร 500

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**แจ็กสัน หวัง "วันไชน่า" กับดรามา "ไต้หวัน" ระอุโซเชียล

หลังบรรยากาศการเมืองระหว่างประเทศ "มาคุ" เมื่อ "แนนซี เพโลซี" ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ดึงดันเยือนไต้หวัน ทั้งๆ ที่จีนได้เตือนสหรัฐฯ ไว้ก่อนล่วงหน้าให้ระวังการกระทำที่ "ล้ำเส้น" ซึ่งต้องรับกับผลที่จะตามมา

สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้แถลงด่วน ชี้ว่า เรื่องนี้ "บ่อนทำลาย" รากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง เป็นการรุกล้ำอธิปไตยที่รับไม่ได้

จีนยังยืนยัน “ไต้หวัน”เป็นของประเทศจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน และเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่แบ่งแยกมิได้ นับตั้งแต่สมัย "ราชวงศ์ซ่ง" ในศตวรรษที่ 10 รัฐบาลจีนทุกสมัยต่างก็ได้จัดตั้งหน่วยงานบริหารราชการในไต้หวันอย่างเป็นลำดับ เพื่อปฏิบัติตามอำนาจการบริหาร และปกครอง ตามหลักการประเทศจีนเดียว หรือ "One china"

แนนซี เพโลซี
งานนี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนของสังคมโลก ต่างจดจ่อ ติดตามกันว่า เรื่องนี้จะมีพัฒนาการไปอย่างไร

โลกโซเชียลฯ ในไทยก็เช่นกัน เห็นว่า แฮชแท็ก #ไต้หวัน ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ที่เป็นดรามาร้อนระอุขึ้นมาด้วยเช่นกัน มีการปะทะกันระหว่าง ฝ่ายสนับสนุน "จีนเดียว" กับ กลุ่มแนวร่วม "พันธมิตรชานม" (Milk Tea Alliance) ก่อสงครามน้ำลาย ผ่านคีย์บอร์ดกันดุเดือด

แน่นอนว่า เมื่อกระแสรักชาติเรียกร้อง เหล่าคนดัง อย่าง " แจ็กสัน หวัง" แห่ง Got 7 และ ไอดอล K-Pop เชื้อสายจีน หลายคน ลู่หาน, หันเกิง, เลย์, เฉิงเซียว แห่งวง WJSN ก็ต่างออกมาร่วมแสดงจุดยืน "จีนเดียว"

รายของหนุ่ม “แจ็กสัน หวัง” นักร้องดังซึ่งเพิ่งสร้างความประทับใจให้แฟนๆ ชาวไทยที่ติดตามจากการร่วมอีเวนต์ วันแดงเดือด เมื่อเดือนที่ผ่านมา รับรู้กันว่าเขายืนกรานมาตลอดในเรื่อง "One China" เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2019 แจ็กสัน หวัง คือหนึ่งในคนดังที่โพสต์ข้อความที่ว่าตนเองคือ "หนึ่งใน 1,400 ล้านคน ที่ขอปกป้องธงจีน"

แจ็กสัน หวัง
นอกจาก“แจ็กสัน หวัง” และไอดอล K-Pop เชื้อสายจีน ยังมี ไอดอลสาว“อี้เหริน”สมาชิกวง Everglow และ ดาราที่คนไทยรู้จักกันดี ไม่ว่าจะ เป็น ฟ่านปิงปิง, ฟ่านเฉิงเฉิง, แอนเจลาเบบี้, ดาเรน หวัง ต่างโพสต์จุดยืนสนับสนุน "จีนเดียว"

อย่างไรก็ดี แม้จะมีไอดอล และคนดังหลายคนแสดงจุดยืนดังกล่าวโดยชาวเน็ตส่วนใหญ่ ให้ความชื่นชมในความ "สำนึกรักแผ่นดินแม่' แต่ที่เป็นประเด็นตกเป็นเป้าโดน "พันธมิตรชานม" อย่างกลุ่ม 3 นิ้วตั้งหน้าตั้งตาถล่มกลับ เป็น "แจ็กสัน หวัง" ที่ถูกแซะว่าเป็นคนฮ่องกง กลับ "คลั่งชาติ"บ้าง โดนบังคับหรือเปล่า ซึ่งแน่นอนกลุ่มที่รักจีน และเห็นด้วยกับ “แจ็กสัน หวัง” ก็เข้ามาตอบโต้ และปกป้องนักร้องดัง เรียกร้องให้คณะทัวร์ 3 นิ้ว หัดเคารพสิทธิเสรีภาพคนอื่นด้วย เหมือนที่พยายามเรียกร้องให้คนอื่นเคารพตัวเอง

สรุปว่างานนี้ จากไต้หวัน จีน Vs สหรัฐฯ ไปๆ มาๆ ที่ดรามาในโซเชียลไทย กลายเป็นเรื่อง สลิ่ม vs 3 กีบ ไปซะงั้น



ฟ่านปิงปิง
  **พลังประชารัฐจับมือเพื่อไทย ขัดใจ“ชวน” เล่นเกมสภา คว่ำสูตร 500
เริ่มเข้าเค้าตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคแกนนำต้องการจะให้กลับไปใช้กติกาเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบหาร 100 โดยใช้แทกติดทางสภาให้กฎหมายลูกฉบับหาร 500 ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณานี้ ตกไป
เนื่องจากการพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มีกรอบเวลาในการพิจารณา 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 15 ส.ค.นี้ หากพิจารณาไม่ทันสูตรหาร 500 ก็ตกไป ต้องกลับไปใช้ร่างกฎหมายฉบับเดิมที่ครม.เสนอมาคือ สูตรหาร100
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็ออกมาบอกว่าทันแน่ พร้อมกางไทม์ไลน์ให้ดูว่า รัฐสภาจะมีเวลาพิจารณาในวันที่ 2 ส.ค., 3 ส.ค. ถ้าไม่เสร็จก็ไปสัปดาห์หน้า วันที่ 9 ส.ค. ถ้าไม่ทันก็เพิ่มวันที่ 10 ส.ค. อีกวัน รวมเป็น 4 วัน
แต่ตามคิวที่บรรจุในวาระนั้น ก่อนที่จะไปถึงกฎหมายลูกเลือกตั้ง มีร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย และ ร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรม เป็นคิวที่ 1 และ 2 ขวางอยู่ ... ก็มีการประชุมวิป 3 ฝ่าย ว่าจะขอเลื่อนเอากฎหมายเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนดีไหม แต่ที่ประชุมวิปก็ตกลงกันว่า“ไม่เลื่อน” จึงต้องพิจารณาไปตามคิวเดิม
ปรากฏว่าในวันที่ 2 ส.ค.ทั้งวัน การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ก็ผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล ที่ต้องพูดเช่นนั้นเพราะว่า การพิจารณาช้าเป็นเต่า กว่าจะลงมติกันได้แต่ละมาตรา ต้องรอลุ้นองค์ประชุม แบบประธานต้องกดออด เรียกแล้ว เรียกอีก

ชวน หลีกภัย
ต่อมาวันที่ 3 ส.ค. มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.....ที่มีอยู่เพียง 12 มาตรา “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม แม้จะเปิดประชุมได้ แต่บรรยากาศก็เงียบเหงาหนักยิ่งกว่าวันที่ 2 ส.ค.เสียอีก สมาชิกบางคนมาเซ็นชื่อแล้วก็กลับ แถมมีกระแสข่าวว่า มีการแจ้งกับ ส.ส.พรรคใหญ่ฝ่ายรัฐบาลว่า ไม่ต้องแสดงตนเวลานับองค์ประชุม

การพิจารณาแต่ละมาตรา เป็นไปอย่าล่าช้าและหมิ่นเหม่ที่จะไม่ครบองค์ประชุม จะลงคะแนนกันแต่ละมาตรา “ประธานชวน” ถึงกับต้องออกปากขอร้องให้ ส.ส.ไปตามเพื่อนๆ สมาชิกมาลงคะแนนด้วย แบบทั้งเรียก ทั้งตาม ถอนหายใจเฮือกแล้ว เฮือกอีก !!

ทั้งขู่ ทั้งปลอบ ทั้งยกเอาคำพระ เอาธรรมะมาอิง ว่าคนที่อยู่ก็ขอชื่นชม แต่คนที่ไม่อยู่ระวังผลของการกระทำ จะไปแสดงเอาตอนเลือกตั้ง เพราะคู่ต่อสู้บางคนเอาไปประจานว่า อยากเป็นส.ส. แต่ไม่อยากเข้าประชุมสภา ไม่รับผิดชอบ ระวังเรื่องในสภา ไม่เป็นความลับ ใครพูดอะไร ใครทำอะไร ก็เป็นเรื่องที่เปิดเผย

"ถ้าถือคำพระ ผมขอยกธรรมะ คือหน้าที่ หน้าที่ก็คือธรรมมะ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปบ่นอะไร เวลาเป็นของมีค่า ไม่ย้อนกลับอีกแล้ว ผมไม่เอาปัญหาบางเรื่องมาลบล้างความดีงามต่อภาระกิจพวกเราที่ทำ " นายชวน กล่าว พร้อมย้ำว่า ส.ส.ที่มาลงคะแนนมาตรานี้แล้ว อย่าเพิ่งกลับนะครับ

การพิจารณาล่วงเลยไปช่วงบ่าย เพิ่งถึงมาตรา 8 ก็มีแกนนำบางพรรคการเมืองบางคนเดินล็อบบี้ ให้ส.ส.กลุ่มตัวเองออกจากห้องประชุมไป ทำให้ในส่วนที่นั่งของพรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ มีสมาชิกเหลือไม่ถึง10 คน ส่วนที่นั่งของพรรคประชาธิปัตย์ มีอยู่ประมาณ 20 คน ที่ยังดูหนาตาก็เป็นที่นั่งของพรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย และในส่วนของสมาชิกวุฒิสภา

วันชัย สอนศิริ
แต่มองดูแล้ว ก็ไม่ครบองค์ประชุม “ท่านประธานชวน” ต้องขีดเส้นว่า จะรอสมาชิกจนถึงเวลา 17.00 น. หากยังไม่ครบก็คงต้องปิดประชุม .... แล้วเมื่อถึงเวลากำหนดก็ปรากฏว่ายังขาดสมาชิกอีก 7 คน

“ประธานชวน” จึงต้องประกาศว่าเมื่อไม่องค์ประชุมไม่ครบ ก็จำเป็นต้องจบลงเพียงเท่านี้ แล้วก็สั่งปิดประชุม ทำให้ ร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ..... ค้างเติ่ง ต้องไปต่อในสัปดาห์หน้า คือวันที่ 9 ส.ค. และ 10 ส.ค. ขณะเดียวกัน สมาชิกที่เป็น ส.ว.ได้หารือว่า ในวันที่ 9 ส.ค. ทางวุฒิสภา จะมีการประชุมนัดพิเศษซึ่ง “ประธานชวน” ก็บอกว่า ได้รับแจ้งจากทางวุฒิมาเช่นนั้นเหมือนกัน คงต้องมีการหารือของ วิป 3 ฝ่าย อีกครั้งหนึ่ง ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร...

เรื่องนี้ “ส.ว.วันชัย สอนศิริ” พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเพราะพรรคใหญ่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เห็นพ้องต้องกันที่จะใช้วิธีนี้ ในการคว่ำสูตรหาร 500 เพราะถ้าปล่อยให้ผ่านวาระ 3 ไป เมื่อไปถึงกกต. และ ศาลรัฐธรรมนูญ ก็มั่นใจไม่ได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทางที่ง่ายที่สุดคือ ให้กฎหมายตกไป ด้วยเงื่อนไขพิจารณาไม่ทันใน 180 วัน ถือเป็นกลไกทางสภา แม้จะเสี่ยงต่อการถูกด่า ก็ต้องยอม เพราะดันไปเดินผิด อีตอนที่ให้พลิกมาเป็นสูตร 500

“ส.ว.วันชัย” ยังเชื่อว่า การประชุมร่วมรัฐสภาสัปดาห์หน้าก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เพราะพรรคใหญ่ตั้งธง ต้องการให้กฎหมายลูกเสร็จไม่ทัน ใช้เรื่ององค์ประชุมเป็นเกม เพื่อหาทางกลับไปใช้สูตรหาร 100

ถ้าสองพรรคใหญ่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล จับมือกันเล่นเกมนี้ อย่าว่าแต่มีเวลาอีก 2วันเลย ต่อให้มีเวลาพิจารณาอีกกี่วันก็ไม่พอ!!




กำลังโหลดความคิดเห็น