คดียังไม่สิ้นสุด มีชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ต้องยื่นใน 30 วัน กรณีสมาชิกภาพ ส.ส. “ธณิกานต์” หลังศาลฎีกานักการเมือง สั่งจำคุก แต่ให้รอลงอาญา แต่ต้องรอศาลฎีกาวินิจฉัยผิดจริยธรรมร้ายแรง 16 ส.ค.
วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ สองแสนบาท ส.ส.เขต 7 กทม. พรรคพลังประชารัฐ เสียบบัตรแทนกันนั้น รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 101(13) บัญญัติไว้ว่า สมาชิกภาพ ของ ส.ส.สิ้นสุดลงเมื่อต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปัจจุบันศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง มีชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ อีก 1 ชั้น ซึ่ง น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้ภายใน 30 วัน นับแต่มีคำพิพากษา โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะคัดเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 9 คน ที่ไม่เคยตัดสินคดีนั้นมาก่อน เท่ากับว่า คดีนี้หากมีการขึ้นไปถึงชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เเต่หาก น.ส.ธณิกานต์ ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันสมาชิกสภาพ ส.ส.ก็จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 101(13)
อย่างไรก็ตาม มูลเหตุคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้วินิจฉัย ว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 87 ตามคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2564 ซึ่งอยู่ในระหว่างที่ศาลฎีกานัดพร้อมในวันที่ 16 สิงหาคม 2565 เวลา 09.00 น. เพื่อรอฟังผลคดีนี้