xs
xsm
sm
md
lg

หมัดหนักจริง! “อัษฎางค์” ยก 2 ถอดสคริปต์ “ทักษิณ” ลิเกไซเบอร์ลวงโลก “หมอวรงค์” ฟันธง เป็นโรคหลอกตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “อัษฎางค์” ถอดสคริปต์บทพูด “ทักษิณ” ลิเกไซเบอร์ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค
ต่ออีกยก! “อัษฎางค์” ถอดสคริปต์บทพูด “ทักษณ” ลิเกไซเบอร์ หลอกแม้กระทั่งลูก ให้หลอกหลานต่อว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” ทั้งที่ทำผิด กม. “หมอวรงค์” ฟันธง “โทนี” เป็น โรคหลอกตัวเอง สะกิดครอบครัวคนใกล้ชิด เตือนให้รู้ตัว
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (27 ก.ค.) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ระบุว่า

ถอดสคริปต์ บทพูดดราม่าลิเกไซเบอร์

ของ #โทนีปีหน้า

ทักษิณ:

“หลานผม (ลูกแฝด พินทองทา) ไปเจอผมที่ลอนดอน วันที่เขากลับบ้าน ถามว่า ทำไมคุณตาไม่กลับไปกับพวกเรา”

“แม่เขาก็อธิบายเรื่องราวเป็นอย่างไร แล้วเขาก็ถามว่า ใครแกล้งคุณตา เด็กสมัยนี้ฉลาด จำได้หมด”

อัษฎางค์:

ทำไมแม่บอกลูกผิดๆ แบบนั้น ทั้งที่ความจริงไม่มีใครแกล้งตา ความจริงคือตาทำผิดกฎหมาย ด้วยการฉ้อโกงในหน้าที่

ทำไมไม่สั่งสอนสิ่งที่ถูกต้องให้กับเด็กซึ่งยังมีแต่ความบริสุทธิ์ ตกลงจะปลูกฝั่ง “ให้ถูกเป็นผิด และผิดเป็นถูก” ให้กับลูกหลานไปอีกกี่รุ่น

แม่โดนตาหลอก แล้วส่งผลให้แม่มาหลอกลูกซึ่งเป็นหลานตาต่อไปอีกที

ทักษิณ:

“ผมอาจจะโง่เรื่องคน ประสบการณ์เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่ายๆ อยู่บ้านนอกโตบ้านนอก”

อัษฎางค์:

สคริปต์ท่อนนี้มันลิเกมาก เป็นสคริปต์เพื่อเรียกคะแนนจากแม่ยกชัดๆ

อ้างความเป็นบ้านนอก เพื่อบอกกับแม่ยกว่า ผมและคุณเป็นพวกเดียวกัน

ทั้งที่ทักษิณไม่ใช่คนบ้านนอก ที่มีอาชีพทำไรทำนา แต่เป็นคนเมือง ที่ครอบครัวมีฐานะมั่งคั่งด้วยอาชีพการทำธุรกิจ

อ้อนว่า “ผมเป็นคนโง่” เพื่อดราม่าเรียกน้ำตา เรียกร้องหาความเห็นใจจากแม่ยก

บอกว่า “ผมอาจจะโง่เรื่องคน” เพื่ออ้อนกับแม่ยกว่า ตัวเองไว้ใจคนอื่น แล้วถูกคนหักหลัง

แล้ว “บุญทรง” ที่ติดคุกอยู่คืออะไร

ทักษิณโง่เรื่องคน เลยโดนคนหลอก หลอกให้บุญทรงเลยติดคุกแทนน้องสาว! คืออะไร ?

หลอกว่า วันเสียงปืนแตกเมื่อไหร่จะกลับมานำพี่น้อง ผ่านมา 13 ปีแล้วที่ประกาศจะกลับมา แต่ไม่เคยกลับมาเลย

ทักษิณโง่เรื่องคน หรือคนอื่นโง่ให้หลอกใช้ง่ายๆ ตลอดมา กันแน่

ทักษิณ:

“ผ่านสังคมของ Elite น้อยไป พอไปเข้าการเมือง เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง”

อัษฎางค์:

“ทักษิณซื่อบื้อ” ถามจริงๆ ใครจะเชื่อ

คนซื่อบื้ออะไร ที่เริ่มต้นอาชีพรับราชการ ไต่เต้าขึ้นมาเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของไทย แล้วข้ามฝั่งมาเล่นการเมือง ที่สร้างพรรคการเมืองเป็นพรรคใหญ่พรรคเดียวจัดตั้งรัฐบาลได้ และเป็นนายกรัฐมนตรี

ต้องซื่อบื้อขนาดไหน ต้องบ้านนอกขนาดไหน ต้องโง่ขนาดไหน ถึงจะดีลและจัดการกับเสือสิงห์กระทิงแรดในแวดวงธุรกิจและการเมือง จนอยู่หมัด จนอยู่ในกำมือ

ทักษิณ:

“พอเราเป็นเจอ yes but mean no เราตายแล้ว เพราะเราคิดว่าคนทุกคนคงเหมือนเรา เพราะชีวิตเราง่ายมาก”

อัษฎางค์:

สคริปต์พระเอกมาก ฟังแล้วเห็นภาพก๊วยเจ๋ง พระเอกซื่อบื้อและซื่อสัตย์ ขึ้นมาทันที

คุณหญิงอึ้งย้ง ไม่เคยสะกิดก๊วยเจ๋งบ้างเลยหรือ ! ว่าเหม็นกลิ่นบทละครน้ำเน่า

ภาพ “ทักษิณ” กับ “อัษฎางค์” ขอบคุณภาพจากสยามรัฐออนไลน์
ทักษิณ:

เมื่อถูกถามว่า (ถูกลอบสังหาร) ทั้ง 4 ครั้ง ให้อภัยหมดหรือไม่ นายทักษิณบอกว่า

“ผมก็ไม่ค่อยเชื่อ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า”

“ก็ไม่รู้เป็นกรรมเป็นเวรอะไร”

อัษฎางค์:

ทักษิณไม่เชื่อเรื่องชาตินี้-ชาติหน้า

แต่ทักษิณเชื่อเรื่องเวรกรรม เว้ย

ชาตินี้-ชาติหน้า และเรื่องเวรกรรม เป็นเรื่องเดียวกัน เป็นแก่นของพระพุทธศาสนา

การที่บอกว่า “ไม่เชื่อเรื่องชาตินี้-ชาติหน้า แต่เชื่อเรื่องเวรกรรม”

ก็เหมือนกับการบอกว่า “ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่กล้ากลับเมืองไทย เพื่อพิสูจน์ตัวเองตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม”

และเหมือนที่หลอกลูกและลูกหลงเชื่อไปหลอกหลานต่อว่าคุณตาโดนแกล้ง

ทั้งที่คุณตาทำผิดกฎหมายด้วยการฉ้อโกง จนต้องหนีออกนอกประเทศ

ปากบอกว่าโดนกลั่นแกล้ง แต่ไม่ยักจะกล้ากลับมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์

นั้นเพราะรู้อยู่เต็มอกว่า ตนเองไม่บริสุทธิ์

และใช้วิธีหลอกตัวเองจนตัวเองเชื่อว่าตนเองเป็นคนบริสุทธิ์ที่ถูกกลั่นแกล้ง

พอตัวเองหลอกตนเองจนเชื่อสนิทใจแล้ว ก็หลอกคนอื่นๆ ต่อไป คนอื่นๆ ที่ว่านั่น ก็มีคนในครอบครัวรวมอยู่ด้วย

โจโฉเคยกล่าวว่า

“ข้าพเจ้ายอมทรยศโลก ดีกว่าให้โลกทรยศข้าพเจ้า”

ทักษิณก็มีคอนเซปต์ใกล้เคียงกัน กล่าวคือ

“ข้าหลอกตัวเอง เพื่อหลอกคนทั้งโลก ให้ออกมาต่อสู้และปกป้องตัวข้า ตัวข้าผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นความหวังและที่พึ่งของครอบครัวและประชาชน”

“ข้าคือความหวังของคนทั้งประเทศ

แต่ตัวข้าเองไม่เป็นความหวังของตัวข้าเองเลย”

ภาพ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊กWarong Dechgitvigrom
ขณะเดียวกัน “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า

“#วันเกิดทักษิณ

วันที่ 26 ก.ค. ครบรอบวันเกิดนายทักษิณ มีการปล่อยคลิปเด็ด ที่สังคมไทยต้องจับตามอง โดยเฉพาะวลีเด็ด

“ผมเองผมสั่งครอบครัวแล้วนะ ตายไม่เผา ให้เก็บไว้ เก็บร่างไว้ ไม่ให้เผา นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ให้ชีวิตผมเป็นอมตะของครอบครัว ของลูกหลาน”

ผมเห็นสิ่งที่นายทักษิณพูด มันสะท้อนตัวตนที่น่าสนใจของนายทักษิณ ที่หลายคนพูดว่า โกหกตัวเอง จนตัวเองเชื่อ ในสิ่งที่ตนเองโกหก

ผมจำได้ว่า เมื่อผมสนใจการเมืองใหม่ๆ โดยปกติ ผมจะเลือกพรรคเก่าแก่มาตลอด แต่ผมเลือกพรรคนายทักษิณ เพราะผมคิดว่าเขารวยแล้ว ไม่โกง คงอยากมาช่วยคนยากคนจน

หลังจากที่ผมได้ศึกษาข้อมูล พบว่า เขามีวิธีการโกงที่แยบยล ที่เรียกว่าทุจริตเชิงนโยบาย โดยเฉพาะโครงการดาวเทียมไทยคมที่ผมศึกษา ผมคิดเลยว่า คนแบบนี้อันตรายมาก โกงชาติจนร่ำรวยแล้ว ยังไม่สำนึก

ผมแปลกใจมากที่เขาและบริวาร กล้าโจมตีการรัฐประหาร และผลพวงของการรัฐประหาร ทั้งๆ ที่เขาร่ำรวย จากโครงการดาวเทียม ที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหาร มีภาพแชร์ในโซเชียล ที่ถ่ายภาพกับ พลเอก สุนทร คงสมพงษ์

หลังจากนั้นมาตลอด ผมเจอคำพูดที่กลิ้งกลอก จนผมมีความรู้สึกว่า คนๆนี้แปลก พูดโกหก โดยไม่มีสำนึกแม้แต่น้อยว่า ตนเองสร้างปัญหาต่อชาติบ้านเมืองขนาดไหน ทุจริตขนาดไหน ทั้งๆ ที่ศาลฎีกาก็ตัดสินแล้ว แต่พยายามสื่อสารว่า ถูกกลั่นแกล้ง

การออกมาพูดเนื่องในวันเกิดว่า ตายแล้วไม่ต้องเผา เพื่อสะท้อนการต่อสู้ของตนเอง มันก็บ่งบอกความคิดนายทักษิณเหมือนเดิม คือไม่มีสำนึกแม้แต่น้อยว่า ตนเองทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ทำเหมือนกับว่าตนเองเก่ง ดี มีความสามารถ แล้วถูกกลั่นแกล้ง

ผมไม่ได้กล่าวหานายทักษิณ แต่ผมเคยอ่านหนังสือเจอ โรคหลอกตัวเอง หรือโกหกตัวเอง ที่ในวงการจิตวิทยาเรียกว่า Pathological Liar คือ อาการผิดปกติ ที่ทำให้พูดโกหกได้เรื่อยๆ โดยจุดประสงค์ก็เพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือมีความต้องการเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง

ผมอยากบอกว่า สังคมไทยทั่วๆ ไป เป็นสังคมที่ให้อภัย แต่คนคนนั้นต้องมีสำนึก แต่ถ้าไม่มีสำนึก สังคมไทยก็มักจะไม่ยอม ดังนั้น คนในครอบครัว คนใกล้ชิด ลิ่วล้อในพรรค น่าจะต้องมีการตักเตือนให้คิดหลายๆ มิติ กับสิ่งที่เกิดกับตนเองและครอบครัว

ผมคิดว่า ถ้ามีการตักเตือนกันบ้าง ให้คิดในมุมเลวร้าย ที่ตนเองทำกับประเทศบ้าง แล้วมาหักลบกับสิ่งเลวร้าย ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง น่าจะทำให้มีโอกาสสำนึก แล้วชีวิตจะได้ปล่อยวาง ประเทศชาติก็เดินต่อ ชีวิตตนเองก็จะมีความสุขในบั้นปลาย

แต่ถ้าคนในครอบครัว คนใกล้ชิดไม่เตือน ให้รู้จักคิด คิดแต่ตนเองเป็นคนเก่ง คนถูก ไม่เคยทำผิด ไม่เคยโกงชาติ มีแต่คนอิจฉา กลั่นแกล้งตน ถ้าคิดมุมเดียวแบบนี้....ช่วยไม่ได้จริงๆ”

แน่นอน, ดูเหมือน ประโยคที่ “อัษฎางค์” หยิบยกมาขยายความนั้น นับว่าน่าคิด อย่าลืม นี่คือ “สคริปต์” ที่ “ทักษิณ” ทำขึ้น และภูมิใจเสนอ ทั้งยังเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่ถามว่าความจริงเป็นอย่างนั้นหรือไม่ คำตอบคือ “ทักษิณ” คิดเอง พูดเอง เออเองทั้งหมด คำถามคือ ทำไม “ทักษิณ” ถึงกล้าหลอกตัวเอง และหลอกคนทั้งโลกขนาดนี้?

ที่สำคัญ และดูเหมือนเป็นประเด็นเด็ดที่ “ทักษิณ” ต้องการลวงโลก ก็คือ บทที่ลูกสาว “ทักษิณ” อธิบายให้ลูก(หลานทักษิณ)รับรู้ว่า คนตาโดนกลั่นแกล้ง และ “ทักษิณ” ยังบอกว่า หลานตัวเองจึงรับรู้ แถมทิ้งท้ายเด็กสมัยนี้ฉลาด รับรู้อะไรเร็ว อะไรประมาณนั้น นั่นเท่ากับ “จงใจ” ให้โลกรู้ว่า ชะตากรรมที่เขาเป็นอยู่ เขาถูกกลั่นแกล้ง โดยให้ตัวละครที่เป็นลูกและหลานบอกเล่า ร้ายหรือไม่ลงคิดดู

ส่วนเรื่องที่โกหกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเชื่อว่า เรื่องโกหกเป็นเรื่องจริง แล้วก็เอาเรื่องโกหกไปหลอกคนอื่นต่อ โดยไม่รู้สึกรู้สาว่า เป็นการหลอกตัวเองและหลอกคนอื่น “หมอวรงค์” ฟันธงว่า เป็นอาการของ “โรคหลอกตัวเอง” หรือ “โกหกตัวเอง” ซึ่งโรคนี้มีอยู่จริง และไม่ใช่เรื่องใส่ร้ายกันแต่อย่างใด

ถ้า “ทักษิณ” เป็นโรคนี้จริง ก็นับว่าน่าสงสาร เพราะชีวิตบั้นปลายคงได้แต่หลอกตัวเองและคนอื่น แต่ที่น่าสงสารยิ่งกว่า คือ คนถูกหลอก และ “รู้เขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก” มันน่าสงสารแค่ไหน คิดดู!?


กำลังโหลดความคิดเห็น