xs
xsm
sm
md
lg

“อัษฎางค์-กนก-ดร.อานนท์” ยำใหญ่ “ทักษิณ” ชี้ จะกลับบ้านปีหน้า “หลอกตัวเอง” ขอ “อยู่อมตะ” เอาไว้ให้ “รก..”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “ทักษิณ” ประกาศจะกลับบ้านปีหน้า ขอบคุณข้อมูล-ภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค
ฟาดแรงกันทั้งนั้น! “อัษฎางค์” จวก “ทักษิณ” จะกลับบ้าน หยุดหลอกตนเอง และยอมรับความพ่ายแพ้ได้แล้ว “กนก” สงสัยหนัก “คุก 6 คดี 12 ปี” เอาไง เจ้าตัวสั่งเสียขอเป็นอมตะ “ดร.อานนท์” ซัด เก็บไว้ ให้รกแผ่นดิน?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 ก.ค. 65) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ระบุว่า

“นิยามของชายชื่อทักษิณ

“ความที่ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักพอ และหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา”
……………………………………………………………………

หนทางที่ทักษิณจะกลับบ้านได้ ความจริงไม่ได้ถูกปิดตาย ยังมีช่องทางอยู่ ได้แก่

1. ต้องหยุดหลอกตนเอง

ทักษิณเป็นคนที่หลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลอกจนตัวเองเชื่อ แล้วนำความเชื่อนั้นไปหลอกคนอื่นต่อไป คนอื่นที่ว่านั้น รวมถึงคนในครอบครัวของตนเองด้วย

คิดดูว่า เขาหลอกได้ทั้งตัวและคนในครอบครัว ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาหลอกคนทั้งประเทศหรือทั้งโลกได้

2. ต้องรู้จักแพ้ และรู้จักพอ

ต้องเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องความไม่รู้จักพอ และไม่รู้จักแพ้หรือไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะตลอดช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา มันนานมากพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่า ตนเองแพ้มานานแล้วและมองไม่เห็นหนทางที่จะชนะได้เลย

3. ต้องยอมรับความจริง

เมื่อยอมรับว่าแพ้และหยุดหลอกตัวเองได้แล้ว ก็ต้องยอมรับความจริง และกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรม ว่า ศาลจะพิจารณาว่าอย่างไร

แค่เพียง 3 ข้อนี้ก็ทำให้ได้กลับบ้านประตูหน้าแบบเท่ๆ ได้แล้ว

……………………………………………………………………

แต่ทักษิณหมดโอกาสกลับบ้านประตูหน้าแบบเท่ๆ เพราะ….

1. เป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ

ที่กล่าวมาทั้งหมด จะไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะเขาเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ กล่าวคือ ทำผิดแต่ไม่รับผิดชอบในความผิดของตน

แปลว่า เขาจะไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล และจะไม่มีวันยอมติดคุก

ดังนั้น ประตูแห่งหนทางกลับบ้าน จึงถูกปิด ด้วยตัวของเขาเอง

2. ความเป็นทักษิณ สร้างทักษิณและทำลายทักษิณ”

ทั้งหมดทั้งมวล มันมาจากการที่เขา “เป็นคนที่ไม่รู้จักแพ้ และไม่รู้จักพอ และซ้ำเติมด้วยการหลอกตัวเองอยู่ทุกวัน”

ซึ่งนั้นเป็นการ “ปิดหนทางกลับบ้านด้วยตัวของเขาเอง”

ความที่ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักพอ และหลอกตัวเองของทักษิณ คือ สิ่งที่สร้างผู้ชายที่ชื่อทักษิณขึ้นมา

แล้วในที่สุดความที่ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักพอ และหลอกตัวเองของทักษิณนั้นเอง ที่ทำลายตัวเขาเอง

วิบากกรรมทั้งหลายในชีวิตของเขา เขาทำมันขึ้นมาเองทั้งสิ้น จากความเป็นตัวตนของเขา ที่……

”ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักพอ และหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา”

……………………………………………………………………

พุทธศาสนาสอนว่า “กรรมกำหนดชีวิต”

กรรมคือการกระทำ ใครทำอย่างไรจะได้อย่างนั้น

การกระทำในอดีตส่งผลในปัจจุบัน

การกระทำในปัจจุบันส่งผลต่ออนาคต

ชะตากรรมในชีวิตของคุณ เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของคุณเอง

ไม่มีใครกลั่นแกล้งคุณ ไม่มีใครรังแกคุณ

คุณทำมันขึ้นมาด้วยตัวของคุณเอง

อย่ามัวแต่โทษผู้อื่น ตั้งสติพิจารณาให้ดี ว่ามันคือผลกรรมจากการกระทำของตัวเราเองทั้งสิ้น

หยุดหลอกตัวเอง ยอมรับความจริงให้ได้ว่า ตัวเราทำกรรมอะไรลงไป ถึงต้องมารับกรรมอยู่อย่างนี้”

ภาพ นายกนก รัตน์วงศ์สกุล จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการข่าวชื่อดัง ช่อง TOP NEWS โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kanok Ratwongsakul Fan Page ระบุว่า

“ตามที่มีคนแสดงความเห็น “มาแบบแช่เย็น หรือเป็นผงล่ะ?” ความหมายคือ คงตายนอกประเทศ แล้วนำซากกลับมาได้

ศพทักษิณติดคุกไม่ได้ แต่ทักษิณตัวเป็นๆ กลับมาต้องติดคุก 6 คดี 12 ปี ยังมีอีก 2 คดี ไม่ได้ตัดสิน

ลองสมมติ เป็นเขาดู จะคิดหาทางกลับมาอย่างไรแบบเท่ๆ ??

ต่อให้ผลเลือกตั้ง เพื่อไทย-แลนด์สไลด์, ต่อให้ได้จัดตั้งรัฐบาล, แถมหัวหน้าครอบครัว เหยียบหัว-หัวหน้าพรรค ขึ้นไปเป็นนายกฯ แล้วยังไง ??

ก็ตามที่ “สุทิน คลังแสง” พูดนั่นแหละ “เรามีบทเรียนจากครั้งก่อน พ.ร.ก.นิรโทษกรรมสุดซอย ที่โดนต่อต้านจนกลายเป็นปัญหาใหญ่..”

ประธานวิปฝ่ายค้าน พูดตรงแบบไม่เอาใจเจ้าของคอก เหมือนอีตาหมอน่านสำรอกวาจา “ประชาชนค่อนประเทศ ยินดีต้อนรับ.. ”

ลำพังดวงวิญญาณทักษิณ เร่ร่อนอยู่ 14 ปี ยังไม่มีปัญญาเล็ดลอดเข้ามาในราชอาณาจักรได้

นี่ “น้องปู” ยังหนีไปสมทบอีก 5 ปี, น้องสาวโทนี่ (พี่สาวปู) หลบคดี จีทูจี ภาค 2 เป็นคนที่ 3

คนเดียวยังไม่มีปัญญา นี่ 3 คนพี่น้อง จะกลับมาแบบมีลมหายใจทั้งแพ็ก ได้อย่างไร นึกไม่ออก ?!?

ผมเชื่อตามที่อาจารย์ เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค บอกไว้ “ทักษิณเชื่อแบบนั้นเพราะโดนตัวเองหลอกตนเองมาก่อนเรียบร้อย คนที่หลอกแม้กระทั่งตัวเองได้ นี่คือ….สุดๆ”

ฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่ยังมีเสื้อแดงหลงเชื่อ เพราะตัวเขาเองยังถูกหลอกจนหลงเชื่อ”

ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากสยามรัฐออนไลน์
ด้าน “ทักษิณ” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในวันคล้ายวันเกิด 73 ปี นอกจากบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิด ส.ส. สมาชิกพรรคเพื่อไทย จะร่วมอวยพรวันเกิดนายทักษิณ ผ่านช่องทางต่างๆ แล้ว ในปีนี้บรรดาลูกชาย ลูกสาว ทั้ง นายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา น.ส.แพทองธาร รวมทั้งลูกเขย ลูกสะใภ้ หลานๆ ในครอบครัว ต่างร่วมเดินทางบินไปร่วมฉลองวันเกิด ซึ่งบรรดาลูกๆ ร่วมกันจัดทำคลิปวิดีโอ “Long distance call” ความยาวประมาณ 14.40 น. ให้กับนายทักษิณ ด้วย โดยในคลิปเป็นลักษณะการถาม ชวนคุยให้นายทักษิณ เล่าเรื่องราวต่างๆ ในอดีต และบอกเล่าถึงอนาคตวันข้างหน้า

ในช่วงต้น ผู้จัดทำคลิปถามว่า วันที่หลาน น้องๆ โตขึ้นอีก 10-20 ปี ได้เห็นคลิป ได้อ่านประวัติศาสตร์อันนี้ จะอธิบายอย่างไร และวันนั้นอาจจะไม่ได้อยู่เล่าให้ฟัง แต่เมื่อได้บันทึกไว้แล้วอยากจะบอกอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า หลานผม ตอนเอมิ นานิ (ลูกแฝด น.ส.พินทองทา) 2ขวบครึ่ง ไปเจอผมที่ลอนดอน วันที่เขากลับบ้าน

ถามว่า ทำไมคุณตาไม่กลับไปกับพวกเรา แม่เขาก็อธิบายเรื่องราวเป็นอย่างไร แล้วเขาก็ถามว่า ใครแกล้งคุณตา 2 ขวบครึ่ง พวกหลานผม attract พ่อแม่กับตายายแล้วก็จะรู้เรื่อง เด็กสมัยนี้ฉลาด จำได้หมด ผมถือว่า Happiness at home ความสุขอยู่ที่บ้าน เมื่อกลับบ้านไปแล้ว ทำให้กระชุ่มกระชวยมีกำลังใจในการต่อสู้ ในชีวิต ความโง่ มาก่อนความฉลาด

เมื่อถูกถามว่า รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่สุด เรื่องอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า ผมอาจจะโง่เรื่องคน ประสบการณ์เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่ายๆ อยู่บ้านนอกโตบ้านนอก พอมาอยู่กรุงเทพฯชีวิตมันก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯน้อยไป สังคมของ Elite น้อยไป เราเลยไม่ได้อยู่ในสังคม Elite แม้ฐานะเราอยู่ใน Elite แต่แทนที่จะไปคบสังคม Elite ไปเข้าการเมือง เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง

ซึ่งอันนี้ต้อง blame (ตำหนิ) ตัวเองว่า เหมือนกับเรายังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า เราไม่เข้าใจ เราถูกปล่อยเข้าไป บางทีเขาบอกว่า say yes อาจจะมี no ซึ่งเราไม่เข้าใจ เราแค่ yes คือ yes และ no คือ no พอเราเป็นเจอ yes but mean no เราตายแล้ว เพราะเราคิดว่าคนทุกคนคงเหมือนเรา เพราะชีวิตเราง่ายมาก แต่ชีวิตของคน elite ยิ่งเป็นนานๆ ยิ่ง complicate เร้นลับซับซ้อน อันนี้คือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ แต่ไม่คิดจะเรียนรู้แล้ว แก่แล้ว เอาความรู้ที่เป็นวิชาการ สอนหนังสือไป อบรมลูกหลาน ไม่ได้ถึงกับ เฮิร์ต แต่เสียดายตัวเอง น่าจะเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองได้มากกว่านี้

“ผมไม่เคยกลัวตาย ถูกลอบสังหารมา 4 รอบ ผมเฉยๆ ผมถือว่า ถ้าคนเรา มันจะตายมันก็ตาย มันยังไม่ตายก็คือยังไม่ตาย”

เมื่อถูกถามว่า ทั้ง 4 ครั้ง ให้อภัยหมดหรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า มันเป็นเรื่องที่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะผมก็ไม่ค่อยเชื่อ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า ก็ไม่รู้เป็นกรรมเป็นเวรอะไร ผมก็รู้ ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ ภายในครอบครัวเรารู้หมด เพราะไม่อยากให้เขาไปเจอคนไม่คิดดีกับเรา เมื่อเจอแล้วจะได้ระวังตัว แค่นั้นเอง

นายทักษิณ บอกอีกว่า ในภาพอนาคต 20-30 ปี ภาพอนาคต ตัวเองอาจไม่ได้อยู่ทันเห็น แต่ระหว่างที่เราอยู่ ไม่รู้ พระเจ้าจะเอาเราไปเมื่อไหร่ แต่ระหว่างที่อยู่ ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคนที่เรารักและที่เขารักเรา คนที่ไม่รักเรา ทำให้เขารักเรามันยาก คนที่รักเราอยู่แล้วก็อย่าให้เขาผิดหวัง คนที่อยู่ตรงกลาง รักบ้าง ไม่ได้รัก ไม่ได้เกลียดอะไร ก็ให้เขาเข้าใจ ทุกวันนี้ไม่ได้มีอะไรเลย เป็นบุคคลอยู่เมืองนอก กลับประเทศก็ไม่ได้ แต่ยังมีคนที่รัก เวลาเรารักลูกก็อยากให้เขาไม่ต้องลำบากเหมือนเรา ตอนที่สร้างตัวเองมา เน้นเรื่องงาน เพราะว่าทุกอย่างบีบคั้น โดยเฉพาะการเงิน

แต่ผมก็เป็นคนที่ขอกำลังใจจากการอยู่กับครอบครัวตลอดเหมือนกัน ตั้งแต่ลำบาก ผมเวลาเครียดเก็บไว้กับตัวเอง เมื่อคิดจนตกผลึกแล้วก็มาคุยกับคุณหญิง บางทีคิด คุณหญิงยังดุเลยว่า ทำไมเธอไม่พูดออกมา ก็พยายามคิด เอาเงินตรงไหนอย่างไร พอพูดออกมาปุ๊บ คุณหญิงก็ช่วยคิดให้ บางทีก็ไปช่วยกู้ให้ด้วย ในช่วงลำบาก ตังค์ไม่มีหมุนจนไม่มีอะไรไปค้ำประกันแล้ว ก็ใช้เครดิตส่วนตัวไปแลกเช็ก พอแลกมาได้สัก 3 แสน วันศุกร์เย็น ชวนครอบครัวไปพัทยา สมัยก่อนไปก็หมดสักหมื่นนึง ไปพักผ่อน ลืมๆเรื่องเครียด ไปว่ายน้ำไปเล่นกับลูก กินอาหารทะเลริมชายหาด ทำให้ผ่อนคลาย ลืมไป วันอาทิตย์กลับมาถึงบ้าน ก็เริ่มคิดต้องทำอะไรต่อ วันจันทร์ก็ลุยใหม่

อยู่เมืองนอก ยังต้องโทร.กลับบ้านทุกวัน โทร.หาลูกบ้าง คุณหญิงบ้าง นานๆ ก็ขอวิดีโอคอลกับหลานหน่อย กลัวหลานลืม (หัวเราะ) การเมืองเป็น zero some game ถ้าเราสุข เขาจะทุกข์ ถ้าเราทุกข์ เขาจะสุข ทำไมไปทุกข์เพื่อให้เขาสุข เราต้องสุขเพื่อให้เขาทุกข์ อันนั้นก็เจอหน้าผม ถ่ายรูปทีไร ดูผมไม่ทุกข์ 16ปีแล้วนะ ไม่ทุกข์ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป คนที่รักเรา ก็จะได้มีความสุขไปด้วย

ถามอีกว่า เราอธิบายตัวเอง ครอบครัว คุณทักษิณ ยืนมองกระจกกำลังเห็นใคร นายทักษิณ กล่าวว่า เห็นคุณหญิง ผมสงสารคุณหญิง คือ ผมตัดสินใจจะกลับเมืองไทย เพราะว่าคุณหญิงรับภาระไว้เยอะ รับภาระแทนผมไว้เยอะ สงสาร ก็เมื่อถ้ากลับไปแล้ว ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว มันก็จบทุกอย่าง เมื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว ผมก็ต้องทำตัวให้แข็งแรงขึ้น เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป ผมต้องเล่นกับเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะเราไม่สามารถที่จะเดินทางได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน ต้องใช้เทคโนโลยีช่วย เพื่อช่วยไม่ให้ตัวเองบกพร่อง หลานผมจะทำ คือ สามารถเซ็ทเวลาและสถานที่ เพื่อบอกว่า วันที่เท่านั้น เวลานั้น ไปอยู่ตรงนั้น จะได้เห็นผมกับเสียงผม เหมือนได้อวยพรวันเกิดเขาทุกปี เผื่อไว้ เป็นแบบนั้น

เมื่อถามว่า ไม่ได้คาดหวัง หลานต้องต่อสู้เป็นผู้นำประเทศ นายทักษิณตอบทันทีว่า “ไม่ เขาคิดเองเป็น เพียงแต่ว่า เราต้องการให้เราอยู่กับเขา รักและห่วงใยเขา มีกำลังใจเหมือนกับมี ตาอยู่ด้วยตลอด แล้วผมเอง สั่งครอบครัว ตายไม่เผา ให้เก็บไว้ ให้เก็บร่างไว้ไม่ให้เผา นี่คือสิ่งที่ ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ให้ชีวิตผม เป็นอมตะของครอบครัวของลูกหลาน” (จากสยามรัฐออนไลน์)

ภาพ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ซัด “ทักษิณ” แรง ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากสยามรัฐออนไลน์
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุว่า

“เก็บไว้ทำไม เผาให้เป็นฝุ่นธุลีดีกว่า รกแผ่นดินเปล่าๆ”

แน่นอน, ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ” ก็จะมีความคิดเห็นต่อต้านจากหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ยังคงค้างคาใจ “ทักษิณ” ที่หนีโทษหนีคดีทุจริตไปอยู่ต่างประเทศ เพราะไม่เพียงไม่รับผิดชอบกับความผิดที่ตัวเองก่อไว้ หากแต่ยังทำตัวไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม อยู่เหนือกฎกติกาของสังคม และที่ร้ายไปกว่านั้น ยังดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการอ้างว่า ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง เพื่อทำให้คดีทุจริต กลายเป็นคดีการเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ยังคงมีกลุ่มคนที่รับไม่ได้ และพร้อมที่จะต่อต้าน ความคิดอ่าน การเคลื่อนไหว หรือ พยายามปลุกกระแสในประเทศไทย

อย่างล่าสุด ก็วิดีโอคอนบอกกับกลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสานประมาณ 400 คน ที่มาร่วมอวยพรวันเกิดครบ 73 ปี ว่า ปีหน้าจะกลับประเทศไทย ขอให้รอเจอกันที่ประเทศไทยอะไรประมาณนี้ ซึ่ง หลายคนเชื่อว่า “ทักษิณ” กำลังหลอกตัวเอง และหลอกคนเสื้อแดง

ปัญหาของ “ทักษิณ” ก็คือ มีทั้งคนรักและคนชังอยู่พอกัน ถ้าไม่กลับมาสู่ครรลองของกระบวนการยุติธรรม หรือ ใช้วิธีพวกมากลากไป คนไทยคงไม่ยอม หรือไม่จริง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น