ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“กรุงศรีวิไล” เล่นใหญ่ กราบแทบเท้า “บิ๊กป้อม” อัญเชิญให้ไปนั่ง รมว.มหาดไทย
ขณะที่คอการเมือง กำลังติดตามดูว่า “6 ส.ส.ปากน้ำ” สมุทรปราการ ในเครือข่ายบ้านใหญ่ “อัศวเหม” ประกอบไปด้วย “อัครวัฒน์ อัศวเหม, ยงยุทธ สุวรรณบุตร, ภริม พูลเจริญ, ฐาปกรณ์ กุลเจริญ, กรุงศรีวิไล สุทินเผือก, ต่อศักดิ์ อัศวเหม” ที่กล้าโหวตสวนคำสั่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในการอภิปรายไม่วางใจที่ผ่านมา จะถูกลงโทษหรือไม่ อย่างไร
เพราะ 6 ส.ส.ที่ว่านี้ ไม่ได้ใช้วิธี “งดออกเสียง” ในการโหวตให้ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็น “น้องรอง” ของ “พี่ใหญ่ป้อม” เท่านั้น ... แต่ถึงขั้นโหวตสวน “ไม่ไว้วางใจ” กันเลยทีเดียว และเป็นรัฐมนตรีเพียงคนเดียวที่ถูก ส.ส.พลังประชารัฐ กระทำเช่นนี้
แต่แล้วเมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) “บิ๊กป้อม” ก็มีคิวลงพื้นที่ไปติดตามงาน ตามแผนบริหารจัดการน้ำ และตรวจความคืบหน้าการขุดคลองมหาวงษ์ ที่ จ.สมุทรปราการ ...
ทันทีที่ “บิ๊กป้อม” ไปถึง และถูกประคองลงจากรถ ภาพที่คนส่วนใหญ่คิดไม่ถึง ก็คือ “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” ส.ส.สมุทรปราการ ได้ปราดเข้าไปกราบแทบเท้า “บิ๊กป้อม” ขณะที่ บิ๊กป้อม ก็รับไหว้ พร้อมระบุว่า “เดี๋ยวลุกไม่ขึ้น ก็เรามันแก่พอกัน”...
ซึ่งต่อมา “กรุงศรีวิไล” บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ทำเช่นนั้นเพราะ ต้องการให้ “บิ๊กป้อม” ไปเป็น รมว. มหาดไทย แทน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
... หากจะสืบสาวราวเรื่องไป ก็ใช่ว่า การโหวตของ “6 ส.ส.ปากน้ำ” จะไม่มีที่มาที่ไปเสียเลยทีเดียว ...เพราะก่อนโหวต 1 วัน “บิ๊กป้อม” ได้เรียกประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อกำชับให้โหวตให้ทั้ง 11 รัฐมนตรี ที่ถูกอภิปราย ไปในทิศทางเดียวกัน
แต่มีช่วงหนึ่งที่ “บิ๊กป้อม” เปิดโอกาสให้ลูกพรรคได้แสดงความคิดเห็น ได้เผยความในใจ ก็ปรากฏว่า มี ส.ส.บางคนออกปากตำหนิการทำงานของ “บิ๊กป๊อก” ในฐานะ รมว.มหาดไทย ว่า ไม่ค่อยให้การสนับสนุนการทำงานของ ส.ส. เสนอโครงการอะไรขึ้นไปก็ไม่ผ่าน ไม่ได้รับการตอบสนอง พร้อมเสนอให้มีการเปลี่ยนตัว รมว.มหาดไทย จาก “บิ๊กป๊อก” มาเป็น “บิ๊กป้อม” เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งด้วย ซึ่ง “กรุงศรีวิไล” ก็เป็นหนึ่งใน ส.ส.ที่ออกความเห็นในวันนั้น
และในวันนั้นเอง ก็มีกระแสข่าวออกมาว่า มีแรงกดดันให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปรับ ครม. หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยให้ “บิ๊กป้อม” ไปนั่ง “มท. 1”... ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่า หาก “บิ๊กป๊อก” ต้องลุกจากเก้าอี้ รมว.มหาดไทย ก็มีการต่อรองว่า ต้องเอาเก้าอี้ รมว.พลังงาน ที่ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” นั่งอยู่ตอนนี้ มาแลก !!
เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราว 6 ส.ส. “เด็กบิ๊กป้อม” โหวตไล่ “บิ๊กป๊อก” พร้อมกระแสข่าวเปลี่ยนตัว “มท.1” จากนั้น “บิ๊กป้อม” ก็ไปลงพื้นที่ปากน้ำ “ส.ส.กรุงศรีวิไล” เล่นบทก้มกราบแทบเท้า ขอให้ไปเป็น รมว.มหาดไทย เพื่อวางสรรพกำลังเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่
หากเรื่องนี้เข้าหลักเกณฑ์ตาม “ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด” อย่าว่าแต่ 6 ส.ส.ปากน้ำ จะถูกลงโทษเลย ดีไม่ดีอาจได้รับรางวัลอีกด้วย!!
เพราะก่อนกลับจากสมุทรปราการ “บิ๊กป้อม” โปรยยาหอมไว้ว่า ขอขอบคุณประชาชนชาวปากน้ำที่เลือกพรรคพลังประชารัฐให้มี ส.ส.ถึง 6 คน ถึงแม้จะได้ ส.ส.มาก แต่ยังไม่ได้รัฐมนตรี ไม่ต้องห่วงครับ ยังไงก็ต้องได้ เพราะว่าอยู่มานาน ทำงานให้รัฐบาลดีแล้ว ก็ต้องได้รับการพิจารณา ปรับ ครม.เมื่อไหร่ ก็ต้องได้เป็น!!
เมื่อ “บิ๊กป้อม” พูดอย่างนี้ เชื่อว่า การปรับ ครม.คงอยู่ไม่ไกล...แม้จะไม่มีการปรับใหญ่ อย่างน้อยก็น่าจะมีการปรับในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ เพราะในโควตาของพรรค ยังมีเก้าอี้รัฐมนตรีว่างอีก 2 ตัว คือ เก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ยึดมาจาก “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และเก้าอี้ รมช.แรงงาน ที่เคยเป็นของ “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งกลุ่มพรรคเล็ก และ ส.ส.กลุ่มภาคใต้ ร่ำร้องอยากได้มานาน...
ก็ต้องจับตาว่าเวลาที่เหลือนี้ “บิ๊กป้อม” จะได้นั่ง รมว.มหาดไทย หรือไม่ ... สายบ้านใหญ่ปากน้ำ ใครจะได้เป็นรัฐมนตรี และ ส.ส.กลุ่มภาคใต้ ของพลังประชารัฐ จะได้เฮ หรือไม่ ...ส่วนพรรคเล็ก ก็รับกล้วยไปแล้วนี่ ...
งานนี้แจ็กพอตจะแตกหรือไม่ เป็นเรื่องของลุงๆ ที่เขาจะคุยกัน!!
**กรรมใค ใครก่อ ถึงคราวใครจะซวย “กล้วย” ติดคอ
ได้ยินได้ฟังกันมานานว่า ธุรกิจการเมืองในยุคนี้ มีนักการเมืองเสือหิว ตั้งก๊วน ตั้งแก๊ง ต่อรองผลประโยชน์ “ขายเสียง” แลกกับการได้รับแจก “กล้วย” ดูแลกันทั้งหวีใหญ่ หวีเล็ก รับกันเป็นประจำรายเดือนก็ดี เพียงแต่ที่ผ่านมาจับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน ไร้หลักฐาน
บังเอิญว่า ศึกอภิปรายที่เพิ่งผ่านไป ก่อนจะเปิดสภาโซ้ยกัน จะด้วยกินกันเสียงดังไปหน่อยหรือไม่ หรือ ฝ่ายแค้นปล่อยของเอาคืน จนเกิดมี “แชตหลุด” ออกสื่อ ปรากฏมีชื่อของนักการเมืองพรรคเล็กบางคน ได้รับเงินรายเดือน เดือนละ 100,000 บาท พร้อมมีการแฉสลิปโอนเงิน เรื่องก็เลยแจ่มแจ้งแดงแจ๋ ขึ้นมา
ประชาธิปไตยอุบาทว์ อยู่ได้เพราะแจกกล้วยงานนี้ทำให้บรรดาผู้มีหน้าที่ตรวจสอบไม่อาจอยู่เฉย โดยดาบแรก “นิวัติไชย เกษมมงคล” เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บอกว่า สำนักงาน ป.ป.ช. สั่งติดตามตรวจสอบรวบรวมข้อมูลกรณีนี้แล้ว
ฟังว่า พวกเสือหิวกินกล้วยเหล่านี้ ก็ใช่จะยอมรับสภาพ กล้วยกลืนลงท้องไปแล้ว ก็จะบอกว่า เป็น “เงินกู้ยืม” ซึ่งแน่นอน ไม่ถือว่าผิดอะไร เพราะใครๆ ก็สามารถกู้ยืมกันได้
เรียกว่า หาทางดิ้นกันไว้ล่วงหน้าเผื่อถูกเรียกสอบ
นี่ก็ต้องวัดประสิทธิภาพของ ป.ป.ช.ว่า จะทำได้ดีแค่ไหน เพราะหากพบว่าข้อเท็จจริงมีมูล ป.ป.ช. สามารถตั้งเรื่องขึ้นมาตรวจสอบได้ตามกระบวนการ พิสูจน์แล้วหากไม่ใช่เรื่องการกู้ยืม แต่เป็น “การให้” ก็จะผิด ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.ทันที เพราะ ส.ส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่สามารถรับผลประโยชน์ที่คิดเป็นเงินเกิน 3,000 บาท ฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 128 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากพบเป็นการให้เงิน ต้องดูว่าให้เพื่ออะไร ให้เพื่อแลกกับการโหวต หรือไม่ ซึ่งจะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง คนละกรณี อาจจะเข้าข้อหารับสินบน ฐานความผิดต่อหน้าที่ราชการ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นการให้เงิน หรือรับเงินสินบน เพื่อปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จะเข้าข่ายจริยธรรมร้ายแรงด้วย
ว่าไปแล้ว งานนี้ผู้สันทัดกรณีบอกว่า ถ้าจะพิสูจน์กันให้จะจะ ดิ้นไม่หลุดก็ต้องดึง ปปง. เข้ามาเพื่อสอบเส้นทางการเงิน ระหว่างการให้ หรือที่เขาเรียก "คนเลี้ยงลิง" และผู้รับแจกกล้วยด้วยคงได้หนาวไปตามๆ กัน
ตอนนี้เมื่อ ป.ป.ช.เงื้อดาบแล้ว สังคมย่อมจับจ้องว่า จะกล้าฟันตรงๆ หรือไม่ ยิ่งถ้าหาก “คนเลี้ยงลิง” เป็นผู้มากบารมี ผู้ยิ่งใหญ่ของนักการเมือง ยิ่งจะมีคำถามมากขึ้นไปอีกว่า ป.ป.ช.กล้ามั้ย ?
พูดถึงความกล้า ก็ต้องบอกว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่เป็นสองรองใคร เจอหน้าสื่อ ถามถึงป่ารอยต่อฯ และที่มีกระแสข่าวว่า “พิเชษฐ สถิรชวาล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ออกมาพูดว่า ไปรับเงินในป่ารอยต่อฯ “ลุงป้อม” ถึงกับ “เห้ย ไปรับกับใคร ผมจะรู้มั้ย” และเมื่อถามว่า ทาง ป.ป.ช. รับสอบเรื่องนี้แล้ว พล.อ.ประวิตร พูดเสียงดัง “อ๋อ รับไปเลย ก็เหมือนนาฬิกาผม รับไปเลย เรื่องจริงเป็นอย่างไร ก็ว่ากันไป ผมไม่กลัวหรอก”
งานนี้ กรรมใด ใครก่อ ใครจะซวย กล้วยติดคอ ก็ขอโปรดติดตามกันต่อไป