ข่าวปนคน คนปนข่าว
**สะพัด “ป๊อก” ดิ้นไปพลังงาน ต่อรอง “ป้อม” แลกยึดมหาดไทยคุมเลือกตั้ง อนาถใจเกมสมบัติผลัดกันชมของ 3 ป.
ขณะที่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลดำเนินไปในสภา นอกสภาก็มีข่าววงในจาก “ป่ารอยต่อ” แพร่สะพัดออกมาว่า งานนี้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หลายคนจะใช้เอกสิทธิ์ โหวตไม่ลงคะแนนไว้วางใจให้ “ป.ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพราะเห็นว่านั่งอยู่ในตำแหน่งนี้มานานแล้ว สมควรแก่เวลาต้องยกเก้าอี้ให้กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อันจะเอื้อประโยชน์ต่อยุทธศาสตร์เตรียมการเลือกตั้งที่เหลือเวลาอีกไม่มากของพรรค มากกว่าที่จะให้ พล.อ.อนุพงษ์ เป็น มท.1 ที่ไม่ได้ช่วยอะไรอีกต่อไป
ฟังว่า “พล.อ.อนุพงษ์” ถูกอภิปรายเที่ยวนี้ ก็รู้ชะตากรรมตัวเองต้องสังเวยเกมการเมืองของ พปชร. มีสิทธิ์ได้คะแนนน้อย โอกาสตกเก้าอี้สูง ว่าแล้วจึงตรงดิ่งเข้าป่าฯ จับเข่าคุยกับ “พี่ป้อม” เจ้าป่าหัวหน้า พปชร. ยื่นข้อเสนอในฐานะ “พี่น้อง 3 ป.” ขอให้พี่ใหญ่ช่วยสั่งการสมาชิกพรรคอย่าแตกแถว โหวตลงคะแนนให้ก่อนแล้วผ่านศึกไป พี่ใหญ่อยากได้เก้าอี้ มท.1 ก็ไม่มีปัญหา
ข้างฝ่าย “ลุงป้อม” อยากได้ มท.1 อยู่แล้ว แว่วว่าฟังไปผงกหัวไป และก็เสนอกลับให้ “น้องป๊อก” โยกมาดูกลาโหมแทน เพราะไหนๆ เป็นทหารมาคุมทหารกันเองก็โนพลอมแพลม แบบถนอมน้ำใจกันแต่ “ป.ป๊อก” กลับปฏิเสธ ความหวังดีของ “ป.ป้อม” ทันควัน พร้อมกันนี้ ได้ต่อรองจะขอคุมกระทรวงพลังงาน แทน “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน
เหตุผลลึกๆ ที่ทำไม “ลุงป๊อก” ถ้าพ้นจาก มท.1 แล้วไม่ต้องการกลาโหม แต่เล็งเป้าหมายไปที่พลังงาน งานนี้ก็เชื่อกันว่า เนื่องเพราะ พลังงานเป็นกระทรวงเกรด A+ คุมผลประโยชน์ สัมปทาน และงบประมาณของรัฐหลายๆ แสนล้าน อย่างน้อยไม่ได้เป็น มท.1 คุมพลังงาน ถือว่า เกรดพอๆ กัน ไม่ได้ถูกด้อยค่า แถมยังจะ “มีราคา” นั่งทับผลประโยชน์มหาศาล ซึ่ง “ลุงป้อม” ก็ดูออก เรื่องนี้ถึงกับอึ้งและปวดหัวขึ้นมาทันที
ต้องไม่ลืมว่า กระทรวงพลังงาน เป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญ ยิ่งตอนนี้เกิดวิกฤตพลังงานกระทบปากท้องประชาชน ยิ่งสำคัญ การเปลี่ยน “ม้ากลางศึก” ถามว่า พล.อ.อนุพงษ์ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน รู้เรื่องพลังงานดีแค่ไหน ? รัฐบาลมีเวลาเหลืออีกไม่กี่เดือน จะมีเวลาให้ “ลุงป๊อก” เรียนรู้งานกระนั้นหรือ ?
“ลุงป้อม” ย่อมไม่โง่ ย่อมคิดได้ในเรื่องเหล่านี้เช่นกัน และการจะเปลี่ยนม้ากลางศึกจาก “รองฯ สุพัฒนพงษ์” ที่กำลังแก้วิกฤต มาเป็น “พล.อ.อนุพงษ์” ยังจะต้องไปเปิดศึกกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ น้องเล็กของ 3 ป.แน่นอน เพราะ รองฯ สุพัฒนพงษ์ คือ มือไม้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เลือกมา มอบหมายให้ดูแลเศรษฐกิจ และ พลังงาน ตอนนี้กลายเป็นคีย์แมนที่ “ลุงตู่” จะขาดไม่ได้ ซึ่งนายกฯ ก็เพิ่งจะตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ที่ตัวเองเป็นประธาน แก้วิกฤตเศรษฐกิจ ผลกระทบราคา พลังงาน-สินค้าไปหมาดๆ
ถามว่า “ลุงตู่” จะยอมให้ “ลุงป๊อก” ที่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจและพลังงาน มานั่งว่าการ กระทรวงพลังงาน หรือ ?
ขณะที่ “ลุงป้อม” เองก็มีปัญหาจะไป มท.1 นั่นถาม “น้องตู่” แล้วหรือยัง? ลุงตู่ในฐานะหัวหน้านั่งร้าน ก็ย่อมต้องมีเงื่อนไขต่อรอง พปชร. ด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็หลักประกันการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น “แคนดิเดตนายกฯ” เพื่อรีเทิร์น สืบทอดอำนาจอีกสมัย
งานนี้ กำลังจะกลายเป็นศึก 3 เส้า ความขัดแย้งครั้งใหม่ระหว่าง พี่น้อง 3 ป. “ลุงป้อม-ลุงป๊อก-ลุงตู่” หรือไม่อย่างไร ก็ต้องโปรดติดตามอย่ากะพริบตา
ที่แน่ๆ คำถามก็คือ 3 ป.เป็นเจ้าของประเทศ หรืออย่างไร? เห็นอำนาจรัฐเป็นสมบัติผลัดกันชม เพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตน เล่นเกมแย่งชิง ต่อรองเก้าอี้กันจนหยาดหยดสุดท้าย ทั้งๆ ที่เหลือเวลาของรัฐบาลบริหารประเทศอีกไม่กี่เดือน
อย่างนี้มันน่าอนาถใจไทยแลนด์จริงๆ
**กำลังใจแด่เธอ “กานต์กนิษฐ์” เพื่อน ส.ส.หญิงแห่ปลอบโดนลูกหลงศึกซักฟอก “พี่เอ๋ ปารีณา” เข้าใจความเจ็บปวด แต่แนะอย่าเป็นเลยแม่เลี้ยงเดี่ยว
ไม่ใช่รัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็เหมือนโดนลูกหลงไปด้วย สำหรับ “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ” ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะอดีตภรรยาของ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่ถูก “ชนก จันทาทอง” ส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทย หยิบยกเอาประเด็นการทำผิดประมวลจริยธรรมของนักการเมือง มาอภิปราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดย ส.ส.หญิงจากหนองคาย พยายามย้ำแผลการทำผิดประมวลจริยธรรมทางการเมือง ปี 2564 ของรัฐมนตรีชัยวุฒิ ในข้อ 10 ฝ่าฝืนศีลธรรมอันดีและผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีไปเชิดหน้าชูตาหญิงอื่นเยี่ยงและเหนือกว่าภรรยาของตัวเอง ทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัสทุกข์ทรมาน จนต้องหย่าร้างกัน
คำอภิปรายของ “ชนก จันทาทอง” ทำให้ ส.ส.หญิง พปชร.ลุกขึ้นประท้วงกันวุ่นในที่ประชุม อาทิ “พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์” ส.ส. กทม. “กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา” ส.ส.กทม. ร่วมถึงเพื่อน ส.ส.หญิงต่างพรรค เช่น “นันทนา สงฆ์ประชา” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ ด้วยเหตุผลว่า ประเด็นที่เอามาอภิปรายไม่ใช่เรื่องของการบริหารงาน แต่เป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องของครอบครัว มีการพาดพิงถึงคนภายนอก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเด็ก
ขณะที่ตัว “ส.ส.กานต์กนิษฐ์” เอง ก็ได้ลุกออกจากห้องประชุมในช่วงของการอภิปรายประเด็นดังกล่าว ไม่ได้อยู่ร่วมฟังเรื่องราวที่อาจจะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจซ้ำอีก
ในวันต่อมา บรรดาเพื่อน ส.ส.หญิงต่างก็ส่งกำลังใจให้ “ส.ส.กานต์กนิษฐ์” โดยการโพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา อาทิ “พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์” หรือ ดร.ส้ม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส้ม” ระบุว่า “Best friend forever เพื่อนแท้ไม่ทำร้ายกัน”
“ไพลิน เทียนสุวรรณ” ส.ส.สมุทรปราการ พปชร.โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ไพลิน เทียนสุวรรณ” ว่า “อีกหนึ่งกำลังใจและคนที่คอยให้คำปรึกษาตลอดค่ะ…#ทีมเพื่อนแท้”
“พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ก็ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก “พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ Pitcharat Laohapongchana” ระบุว่า “การประท้วงของ ส.ส.พลังประชารัฐ เมื่อวานนี้ ไม่ได้เป็นการปกป้องท่านรัฐมนตรีในเรื่องข่าวฉาว เพราะไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือไม่ แต่เหตุการณ์ในสภานั้น ดิชั้นเชื่อว่าทุกคนที่ลุกขึ้นประท้วง เพราะเข้าใจถึงผลกระทบต่อสถาบันครอบครัว จริยธรรมอันดีเป็นสิ่งที่รัฐมนตรีควรจะต้องปฏิบัติในการดำรงตำแหน่ง แต่ทั้งนี้ก็เข้าใจถึงสติของแต่ละคนว่าจะประพฤติตนอย่างไรให้ถูกศีลธรรม”
ส่วน “พี่เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พปชร.ก็ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก “ปารีณา ไกรคุปต์” ว่า “ส่งกำลังใจให้น้องกานต์กนิษฐ์ ส่วนน้องบัดดี้ คุณคือผู้ชนะ แต่บอกตรงๆ ว่า อยากให้พี่โอ๋กับน้องกานต์ กลับมาดีกัน เข้าใจว่า...การอยู่กัน 3 คน ฝ่ายหญิงเจ็บปวดรวดร้าว ส่วนฝ่ายชายเพลิดเพลินเจริญใจ เข้าใจทุกฝ่ายค่ะ อนาคตไม่แน่นอน ขอให้กลับมาดีกันเร็วๆ นะคะ #อย่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเลย #ต้องอดทน”
ขณะที่ตัว “ส.ส.กานต์กนิษฐ์” เอง เมื่อวานก็ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กชื่อ “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ” ว่า “ขอบคุณมิตรภาพที่อยู่เคียงข้างกันตลอด พร้อมกับแท็กเพื่อน ส.ส.หญิง พปชร. 3 คน คือ พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ไพลิน เทียนสุวรรณ และ พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ พร้อมโพสต์รูปหมู่ของทั้ง 4 คน
ได้กำลังใจจากเพื่อนๆ อย่างอุ่นหนาฝาคั่งแบบนี้ “ส.ส.กานต์กนิษฐ์” ก็คงจะผ่านเรื่องราวร้ายๆ ไปได้ ส่วน “รัฐมนตรีชัยวุฒิ” จะผ่านการโหวตไม่ไว้วางใจหรือไม่ ก็คงติดตามดูในวันยกมือ 23 ก.ค.นี้
