ทีม ศก.กล้า เผย เตรียมผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังศาล รธน. วินิจฉัย ห้ามขายสุราออนไลน์ เพื่อโอกาสคนตัวเล็ก เพื่อการท่องเที่ยว ชี้ กฎเก่าไม่สอดคล้องปัจจุบัน
วันนี้ (21ก.ค.) นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี ทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการใช้อำนาจห้ามขายสุราออนไลน์ ตามมาตรา 30(6) พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า แม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันทุกองค์กร ทุกฝ่ายต้องเคารพ แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะจะทำให้ช่องทางขายสุราของวิสาหกิจชุมชนขายได้ยากขึ้นไปอีก โอกาสของคนตัวเล็กลดน้อยลง
“วิสาหกิจชุมชนในหลายพื้นที่สามารถผลิตสุราคุณภาพเยี่ยม ไม่ใช่แค่ธุรกิจสาธิตทำแค่ตัวอย่าง แต่ต้องสร้างรายได้ได้จริงด้วย วันนี้การตีความกฏหมายเมืองไทยถึงทางตันแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องเดินหน้าแก้กฎหมายภาคประชาชนด้วยกัน” นายบุญสืบ กล่าว
นายบุญสืบ กล่าวว่า รัฐพยายามบอกว่าให้โอกาสคนตัวเล็ก แต่นโยบายวันนี้เหมือนให้ปืนแต่ไม่ให้กระสุน ให้มีวิสาหกิจชุมชนผลิตสุราได้ แต่ตอนขายติดเงื่อนไขกฎหมายเต็มไปหมด อย่างการห้ามขายออนไลน์ ทั้งที่ข้อดีคือการสนับสนุนให้คนสั่งมาดื่มอยู่กับบ้าน ไม่เคลื่อนย้าย ลดเมาแล้วขับ, การห้ามขายสุรา 14:00-17:00 น. ด้วยเหตุผลตั้งแต่ปี 2515 ว่า ห้ามข้าราชการไปกินเหล้าในเวลางาน ก็ไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน ที่เราต้องผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว แต่ดันห้ามขายสุราให้นักท่องเที่ยวในเวลาดังกล่าวไม่ได้, รวมถึงการห้ามไม่ให้ระบุชนิดและคุณลักษณะของสุราในฉลาก ให้เรียกรวมๆว่าเป็นสุราขาวเท่านั้น ทั้งที่วิสาหกิจชุมชนไทยสามารถทำสุราชั้นเยี่ยมได้หลายชนิด
นายบุญสืบ กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปแล้ว สิ่งที่ต้องเดินหน้าต่อไป คือ การแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขยายโอกาสให้คนตัวเล็ก ขยายโอกาสให้สินค้าเกษตรของไทย นำมาแปรรูปทำสุราชั้นเยี่ยมได้อย่างข้าวไทย เป็นวัตถุดิบหลักของการทำเหล้า “อาวาโมริ” ชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่น ข้าวหอมมะลิขายกันกิโลกรัมละ 30 บาท แต่ถ้านำไปทำเหล้าต่ออาจขายได้ถึงขวดละเป็นพันบาท ส่วนอ้อยไทย ก็เป็นวัตถุดิบที่ทำเหล้ารัมได้ดี ไม่แพ้ประเทศในแถบเส้นศูนย์สูตรอย่างบราซิล คิวบา ดังนั้น หากแก้กฎหมายได้ มีช่องทางขายได้ง่ายขึ้นจะได้ประโยชน์ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก