“สุทิน” ฉะ “บิ๊กตู่-หมอหนู” ปล่อยกัญชาเสรี เผย ผู้ปกครอง-ครู โอด เด็กวันนี้พี้กัญชากลางห้องเรียน ลั่น อย่าโยนบาปว่า สภาปล่อยผี หวั่นเป็นนครกัญชา มีแต่ขี้ยาเข้าประเทศ แฉกลางสภามีนักการเมืองใหญ่ลุยลงทุนไร่กัญชาฝั่งลาว ปูดข่าวเครือซิโน-ไทย ลุยธุรกิจกัญชง ตระกูล “ชาญวีรกูล” ถือหุ้นใหญ่ พร้อมฉายคลิป ภท.หาเสียง ประกาศเปลี่ยนเสียงปืนเป็นเสียงหัวเราะของทุกคนตอกย้ำ
วันนี้ (19 ก.ค.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เนื่องจากร่วมกันกำหนดนโยบายให้มีกัญชาเสรี นำมาซึ่งเกิดการละเมิดกติกาโลก และกฎหมายประเทศ รวมถึงรัฐธรรมนูญ และมติรัฐสภาไทย แต่กลับละเลยไม่ออกมาตรการควบคุมในสิ่งที่ควรจะมี และควรจะเป็น นำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศชาติ ซึ่งตนได้รับการร้องขอจากที่ผู้ปกครอง และอาจารย์ ที่เป็นห่วงลูกหลาน เพราะเด็กวันนี้พี้กัญชากลางห้องเรียนแล้ว
นายสุทิน อภิปรายต่อว่า ที่สำคัญ ไทยยังมีข้อผูกพันในอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ 1961 เป็นอนุสัญญาเดี่ยวที่ไปลงนามด้วยความสมัครใจ มีสถานะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ และทุกประเทศที่ลงนามต้องกลับไปปรับกฎหมายในประเทศให้สัมพันธ์สอดคล้องกับอนุสัญญานี้ทันที แต่เมื่อรู้ว่ากัญชามีประโยชน์ก็เรียกร้องใช้ทางการแพทย์ ซึ่ง ครม.เข้าใจผิดว่า ปี 2020 เรื่อง การย้ายกัญชาจากประเภทที่ 4 ไปอยู่ประเภทที่ 1 คือ เป็นประเภทยาเสพติดร้ายแรง แต่อนุโลมให้ใช้ทางการแพทย์และวิจัยเท่านั้น จะมาสูบ เสพ ขายตามถนนไม่ได้ เพราะถือเป็นการสันทนาการ และมีกฎหมายอื่นควบคุมอีกหลายมาตรา แต่เมื่อไทยมีการปรับในปี 2563 ประชาชนเข้าใจผิดว่ารัฐสภาไทยเห็นดีเห็นงามปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด เพราะความจริงรัฐสภาไม่ได้ปลด แต่คนปลด คือ รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุข จนมีผลทำให้วันที่ 9 มิ.ย. 65 กัญชาถูกปลดปล่อยไม่เป็นยาเสพติด
“ท่านละเมิดกติกาโลก เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติด ส่วนมติของสภา คือ ให้กระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณา หากจะเพิกถอนใดๆ ให้เป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น อย่ามาโยนความผิดให้สภา”
ส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง ที่เรายกมือทั้งสภานั้น เพราะท่านปลดล็อกแล้ว แต่ไม่มีอะไรควบคุม เราก็เรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุม ไม่มีทางเลือกก็ต้องยกมือให้ วันนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในชั้น กมธ. พวกตนก็ตามตลอด วันนี้กระทรวงสาธารณสุขเลยเถิดไปถึงอุตสาหกรรมและสันทนาการ ที่ผ่านมา หลายคนท้วงติงมาตลอด แต่น้ำท่วมปากเขา เช่น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตนขอถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เรื่องอนุสัญญาดังกล่าวจะทำอย่างไร ที่ต้องดันให้เสร็จเพราะกลัวพรรคร่วมถอนตัวหรือไม่
นายสุทิน กล่าวอีกว่า กัญชามีประโยชน์ แต่ก็มีโทษ ต้องชั่งน้ำหนักว่าถ้าปล่อยกัญชาเสรีต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น แม้จะมีร่าง พ.ร.บ.ออกมาก็ยังไม่ได้ควบคุม เพราะยังให้เสพเสรีอยู่ และไม่มีมาตรการแยกสารสกัดที่ชัดเจน การที่บอกว่า เราจะรวยเพราะกัญชา ต้องตั้งหลักดูดีๆ เจตนาดีแต่ตนคิดว่าไม่ใช่ และถามว่าปลูกแล้วจะไปขายที่ไหน วันนี้ทั่วโลกถือเป็นยาเสพติด พกไปโดนจับทันที ถ้ามาทำเป็นยาโอเค แต่มาตรา 23 ของอนุสัญญาระบุว่าการที่ปลูกกัญชามาแปรรูปทำอุตสาหกรรมยาต้องมีองค์กรเฉพาะควบคุม เพื่อกำหนดโซนนิง และนำเสนอรายงานเพื่ออนุญาตให้ใครปลูกเท่าไหร่ จึงจะขายเพื่อนำไปแปรรูปเป็นยาได้ จะมาขายตามตลาดไม่ได้ หลายคนตื่นตัวไปทำกัญชาระดับประเทศ ตนก็เห็นใจเพราะมันไม่ง่าย การปลูกกัญชาเพื่อแปรรูปเป็นยาส่งออกนอกประเทศไม่ง่าย ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวต้องกำหนดยุทธศาสตร์ว่าจะขายอะไร กลุ่มเป้าหมายคือใคร หากจะเอากัญชาเป็นจุดขายก็ได้ขี้ยามาแทน เกิดปัญหาสังคมตามมา กัญชาจะบานทั่วประเทศเด็กเสพได้ แต่ห้ามซื้อ ผู้ปกครองวิตกว่าจะกันเด็กออกจากกัญชาได้เหรอ เพราะห้ามนำมาโรงเรียน แต่ที่บ้านกลับปลูกได้ การแก้ปัญหาเด็กถ้าที่บ้านอ่อนแอก็แก้ไม่ได้ เพราะวันนี้ปล่อยกัญชาเสรีที่บ้าน ไปเสพติดครัวเรือน เราต้องป้องกันให้กัญชาเป็นยาเสพติดออกห่างเยาวชน อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงภาพพจน์และเกียรติภูมิของประเทศ หากหลับตาลงเป็นนครกัญชา ถามว่าอะไรจะเกิดขึ้น นี่คือผลประโยชน์ทางการเมือง
“มีข่าวลือว่า มีนักการเมืองใหญ่ข้ามไปทำไร่กัญชาที่ประเทศลาว และมีบริษัทยักษ์ใหญ่วางระบบธุรกิจไว้หมด มีการวางแผนไว้ก่อนทำ และมีบริษักยักษ์ใหญ่ประเทศญี่ปุ่นแอบมาตกลงกับนักการเมืองไทยด้วย มีข่าวครือซิโน-ไทย ลุยธุรกิจกัญชง ผมก็เข้าไปดูว่าใช่หรือไม่ และพบว่าไม่ใช่ข่าวโคมลอย เพราะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ คนถือหุ้นเยอะคือ ครอบครัวชาญวีรกูล แต่รัฐมนตรีเขาก็แสดงทรัพย์สินแล้วว่าโอนหุ้นไปหมดแล้ว ส่วนจะบริหารทางอ้อมอย่างไรผมไม่รู้ ที่ผมพูดมาทั้งหมด หากนายกฯ ไม่เห็นด้วยให้ทำเรื่องกัญชาเสรีก็ไม่สำเร็จ และถามว่า ธุรกิจเหล่านี้เชื่อมโยงกัญชงกัญชาอย่างไร รัฐบาลแจกกล้าต้นกัญชา ผมและพรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้าน แต่นโยบายไม่มีปัญหา ต้องอยู่กรอบการแพทย์และวิจัย เราสามารถทำได้โดยไม่มีผลกระทบ โดยเอาคงไว้ในบัญชียาเสพติด ส่วนวิสาหกิจชุมชนต้องทำโรงเรือน ขอให้ศึกษาดีๆ ก่อนเดินหน้า เพื่อความปลอดภัย ผมจึงขอไม่ไว้วางใจให้นายอนุทิน และนายกฯ อยู่บริหารประเทศชาติต่อไป เพราะแค่นี้ก็ขนหัวลุกแล้ว และยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ถามว่า นายกฯไปไหน เรื่องที่พูดนี้ใหม่หมด จะปล่อยนายอนุทินนั่งฟังคนเดียวไม่ได้ ขอให้คิดกันให้ถ้วน” นายสุทิน กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่ง นายสุทิน ได้เปิดคลิปวิดีโอขณะที่นายอนุทินกล่าวปราศรัยหาเสียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงหนึ่ง ถึงเรื่องนโยบายกัญชาเสรี ว่า “เราจะเปลี่ยนงบลับต่างๆ ให้เป็นงบลงทุน จะเปลี่ยนเสียงปืนเป็นเสียงเครื่องจักรและเสียงหัวเราะของทุกคน ที่พรรคภูมิใจไทยจะให้พ่อแม่พี่น้องปลูกกัญชาเป็นยาพารวย เป็นยารักษาโรค พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า วันนี้กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป ปลูกได้บ้านละ 6 ต้น เมื่อปลูกแล้วสามารถนำไปขาย ปรุงอาหาร รักษาโรค และพี้สูบกันเองได้ แต่อย่าพกพาไปที่อื่นเด็ดขาด” พร้อมทั้งเปิดภาพประชาชนกำลังสูบกัญชาจากบ้องอย่างเสรี