xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจแถวศึกซักฟอก เสียว แต่ผ่านแน่!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ – อนุทิน ชาญวีรกูล
เมืองไทย 360 องศา

พิจารณาจากความเคลื่อนไหวและอาการของระดับ “บิ๊กรัฐบาล” ที่นาทีนี้ต้องเล็งเป้าไปที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล และ “ผู้จัดการรัฐบาล” สำรวจจากอาการล่าสุดทั้งคู่ยังมีอาการ “ผ่อนคลาย” ไม่มีอาการทุกข์ร้อนตึงเครียดออกมาให้เห็น เมื่อมองจากรูปการณ์แบบนี้ มันก็น่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจได้มากพอสมควร

มีรายงานว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คุยนอกรอบกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และแกนนำของแต่ละพรรคที่เป็นรัฐมนตรี ซักซ้อมความเข้าใจและกำชับในเรื่องการชี้แจงและการโหวต ซึ่งทุกคนก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีปัญหา

อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังหารือเป็นการส่วนตัวสองต่อสองกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกครู่หนึ่งก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกมาพร้อมๆ กัน มีการแตะมือให้ความมั่นใจซึ่งกันและกัน และมีเจตนา “โชว์สื่อ” ให้เห็นถึงความแนบแน่น และความไว้ใจกัน

มีรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ได้พักผ่อนอิริยาบถ และพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ในห้องรับรองตึกสันติไมตรี สองต่อสองอย่างอารมณ์ดี ประมาณ 10 นาที จากนั้นเวลา 11.20 น. พล.อ.ประวิตร ได้เดินนำหน้า พล.อ.ประยุทธ์ มายังบริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เดินตามหลังมาได้เรียก “พี่ป้อมๆ” ก่อนยกมือไหว้ กล่าวสวัสดีครับ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร หันมารับไหว้ และเดินเข้าไปตบไหล่ให้กำลังใจซึ่งกันและกันต่อหน้าสื่อมวลชน จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินแยกไปขึ้นรถยนต์

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า การประชุม ครม.วันนี้มีหลายเรื่องที่พิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำงานโครงการต่างๆ และที่สำคัญคือที่ประชุมวันเดียวกันนี้ได้มีการอนุมัติเงินกู้ที่เรายังมีเหลืออยู่จำนวนหนึ่งในจำนวน 5 แสนล้านบาท เกี่ยวกับด้านสาธารณสุข ซึ่งได้มีการอนุมัติไปในวันนี้ โดยวงเงินที่เหลืออยู่มีจำนวนไม่มากนัก จำเป็นจะต้องรักษาไว้และต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากเวลานี้ไปจนถึงเดือน ธ.ค. ซึ่งก็เป็นไปตามหลักการของเงินกู้ ในส่วนของงบกลางก็ยังเหลืออีกจำนวนหนึ่งเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงเตรียมการอุทกภัยและเรื่องอื่นๆ ที่มีความสำคัญด้วยในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงท้ายของปีงบประมาณก็จำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนได้หารือกับทุกพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รวมทั้งในที่ประชุม ครม.ด้วย ซึ่งตนเพียงแต่พูดว่าขอให้ทุกคนเตรียมข้อมูลต่างๆ ให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้น สามารถชี้แจงได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ และตนก็เชื่อมั่นทุกคนจะสามารถชี้แจงตอบคำถามได้ในทุกประเด็นที่มีความสำคัญและเป็นข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มีความกังวลต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มพรรคเล็กในขณะนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมก็เคยบอกแล้วว่าผมทำงานด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของผม และผมเชื่อมั่นว่าทุกคนก็ทำงานมาอย่างนั้น เพราะทุกคนเป้าหมายคือประชาชนและประเทศชาติ ผมก็มีความเชื่อมั่น เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็รับได้ทุกเรื่อง”

ถามว่า ถึงวันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ให้ความมั่นใจอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมาให้ความมั่นใจกับตนในตอนนี้ “ผมมั่นใจกับท่านมาตลอดชีวิตที่ผมผ่านมา ต่างคนต่างไว้ใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เรื่องอะไรที่เป็นปัญหาก็มาหารือมาหาทางแก้ไขร่วมกัน ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับท่าน และท่านก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผม”

เมื่อถามว่า เชื่อมั่นการอภิปรายซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายในรัฐบาลนี้จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็พูดไปแล้ว ก็พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ พูดในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง พูดในเรื่องที่ไม่บิดเบือน พูดในเรื่องที่ไม่เกิดความเสียหายจากการบริหารราชการแผ่นดินและไม่มีความเสียหายต่อประเทศชาติ เพื่อไม่ให้มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ซึ่งจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุดต่อการอภิปรายในครั้งนี้ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติในท่ามกลางสถานการณ์โลกปัจจุบัน ดังนั้นความไว้วางใจถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

นั่นคือ บรรยากาศภาพใหญ่ ที่แสดงให้เห็นถึงเอกภาพในรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเมื่อมองจากอาการเบื้องต้นแล้ว จะเห็นว่าระดับแกนนำหลักยังอยู่ในอารมณ์แบบ “ชิว ชิว” ไม่รู้สึกตื่นเต้นตึงเครียดแต่อย่างใด สาเหตุหลักก็น่าจะมาจากบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพรรคหลัก ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา ต่างยังเป็นเอกภาพ ไม่มีอาการแตกแถว ตรงกันข้ามยังมีความจำเป็นต้อง “กอดคอ” กันให้แน่น เพื่อฝ่าศึกซักฟอกครั้งสุดท้ายไปให้ได้ โดยเฉพาะยังมีอีกหลายโปรเจ็กต์ที่ต้องดำเนินการในช่วงท้ายของปีงบประมาณ ทุกพรรคยังต้องการไปต่อด้วยกันทั้งนั้น

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาภายในพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ นาทีนี้หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีเอกภาพ ไม่มีใครพูดจาแปลกแยก เป็นบรรยากาศที่เกิดขึ้นหลังจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แยกตัวออกไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากตัวเลขของเสียงสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลนับรวมๆ กันแล้วยังเหนือกว่าฝ่ายค้านไม่ต่ำกว่า 25 เสียง โดยยังไม่นับเสียง บรรดา “งูเห่า” ในพรรคฝ่ายค้าน หรือ ส.ส.ที่ “ฝากเลี้ยง” เอาไว้ตามพรรคต่างๆ ดังที่เคยเห็นในการโหวตทุกครั้งที่ผ่านมา

นอกเหนือจากนี้ แม้ว่า ทาง ร.อ.ธรรมนัส และ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย จะประกาศเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ยังไม่มีท่าทีชัดเจนว่าจะโหวตแบบไหน หรือโหวตให้กับรัฐมนตรีคนใดบ้าง แต่อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ว่าจะมี ส.ส.บางคนจะโหวตหนุนรัฐบาล เนื่องจากได้ตัดสินใจย้ายพรรคกลับมาสังกัดพรรครัฐบาลแล้ว

สำหรับท่าทีล่าสุดของ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหลัก โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคยืนยันอีกครั้งว่ามีเอกภาพทั้งพรรค ส่วน ส.ส.ที่ฝากเลี้ยงในต่างพรรค โดยเฉพาะในพรรคฝ่ายค้านกับพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นจะโหวตหนุรัฐบาลเหมือนเดิมหรือไม่เขาแค่บอกเป็นนัยว่า “ให้จับตาดู”

“รับผิดชอบเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค สามารถรับผิดชอบ ส.ส. ตัวเองได้ ดังนั้น ก็ถือว่าเพียงพอในการประคับประคองรัฐบาลนี้ให้ผ่านไปได้ สำหรับพรรคภูมิใจไทยตอนแรกเข้ามามี 51 เสียง แต่ตอนนี้มีสมาชิกที่พรรคเขาโดนยุบไปแล้วมาอยู่กับเรา รวม 60 เสียง แต่ก็มี 2-3 คน ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ รวมแล้วภูมิใจไทยมี 50 กว่าเสียง ยืนยันว่า รับผิดชอบในส่วนนี้ได้ ทั้งนี้ มั่นใจว่า รัฐบาลจะได้เสียงเกินในรอบนี้ หากหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลไปทำหน้าที่อย่างเต็มที่ พรรคตนตนมั่นใจ รูปแบบรัฐบาลแบบนี้ขาดพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้” นายอนุทิน กล่าวให้ความมั่นใจ

นั่นเป็นท่าทีและบรรยากาศก่อนศึกซักฟอกของฝ่ายค้าน ที่พวกเขายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลรวม 11 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเป้าหมายหลัก โดยจะมีการเริ่มอภิปรายกันตั้งแต่วันที่ 19-22 กรกฎาคม และ ลงมติกันในวันที่ 23 กรกฎาคม ซึ่งจากจำนวน ส.ส.ทั้งสภาจำนวน 477 เสียง นาทีนี้ยังมั่นใจว่าน่าจะได้รับความไว้วางใจเกินครึ่ง แม้ว่าจะไม่มั่นใจในการโหวตจากพรรคเศรษฐกิจไทย และพรรคเล็กบางพรรคก็ตาม

ดังนั้น เมื่อประเมินจากภาพรวมทั้งหมดก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มขึ้น และจากการสำรวจตรวจแถวพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดแล้ว ยังพอมั่นใจได้ว่าจะผ่านไปได้ แม้จะมีอาการ “เสียว” กันบ้าง แต่เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังต้องการไปต่อ และไม่มีความจำเป็นต้องสละเรือล่วงหน้าก่อนถึงฝั่ง มันทำให้ต้องกอดคอผนึกกำลังฝ่าไปแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น