ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “มาดามโบ” มาดามแป้งเมืองลาว อีกหนึ่งแรงดันฟุตบอล สปป.ลาว โค่น ยู-19 ไทย
กลายเป็นประเด็นดรามาข้ามวันข้ามคืนในโลกโซเชียลฯ สำหรับแฟนฟุตบอล หลังจาก ทีมชาติไทยชุด ยู-19 พลิกพ่าย ทีมชาติ สปป.ลาว ไป 0-2 ในรายการฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
แน่นอนว่า แฟนๆ ชาวไทยต่างผิดหวังฟอร์มการเล่นที่เชื่อว่าก่อนแข่งมี “ศักดิ์ศรี” ดีกว่าอีกฝ่าย แต่ก็ต้องบอกว่า สปป.ลาว ชุดนี้ เป็นทีมที่ดีกว่า แข็งแกร่ง เล่นได้ตามแผนที่โค้ชวางไว้
ชัยชนะของ สปป.ลาว ต่อทีมไทยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี ก่อนนี้ทีมก็เก็บชัยติดต่อกันมา 5 เกมติด จนผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก ตามสปิริตของเกมกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ ก็ต้องแสดงความยินดีกับ สปป.ลาว ด้วย
ว่ากันว่า รางวัลแห่งความสำเร็จรอบนี้ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติลาว ได้มอบเงินอัดฉีด150 ล้านกีบ หรือประมาณ 360,000 บาท ให้กับทีมชาติตัวเอง รวมกับจำนวนเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์อื่นๆ แล้วน่าจะมี 550 ล้านกีบ หรือประมาณ 1,322,920 บาท
เบื้องหลังการสร้างประวัติศาสตร์ทีมชาติ สปป.ลาว ยู-19 เครดิตหลักๆ คือ “มิเชล ไวส์” เฮดโค้ชชาวเยอรมัน ที่เคยคุมทีมฟิลิปปินส์ และมองโกเลีย มาก่อนหน้านี้ โดยตั้งแต่เข้ามาคุมทีมผลงานทีมฟุตบอลของ สปป.ลาว ก็พัฒนาขึ้นผิดหูผิดตา
ขณะที่ อีกคนที่แฟนๆ ซูฮกยกขึ้นมาเคียงข้างกับโค้ชเยอรมัน โดยกล่าวกันว่า เธอเป็นคนปลุกกระแสฟุตบอล “ฟีเวอร์” ใน สปป.ลาว นั่นก็คือ “มาดามโบ” พิจิกา บุนกว้าง สาวสวย เน็ตไอดอลที่สื่อกีฬาสองฝั่งโขงตั้งฉายาให้เป็น “มาดามแป้งเมืองลาว” จากเส้นทางที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องในวงการฟุตบอล เริ่มต้นตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว โดย “มาดามโบ” มี “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทัพช้างศึก และนายหญิงของสโมสรการท่าเรือ เอฟซี เป็นไอดอลในการทำงาน
“มาดามโบ” เธอเป็นลูกครึ่งไทย-ลาว ปัจจุบันถือสัญชาติไทย เริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลจากการเป็นฝ่ายประสานงานให้กับสโมสร “ทีม ดีเค เอฟซี” ในศึกฟุตบอล ลาวพรีเมียร์ลีก ก่อนจะได้รับโอกาสเข้าเป็นประธานสโมสร “เวียงจันทน์ ยูไนเต็ด” ในเวลาต่อมา
นอกจากวงการลูกหนัง “มาดามโบ” ถือว่าเป็นสาวเก่งที่มีบทบาทหน้าที่ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรับบทบาทที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมและการตลาดให้สหพันธ์เพาะกายแห่งชาติลาว, การทำการตลาดให้บริษัทผลิตสื่อโฆษณาของ สปป.ลาว และยังเคยผลิตรายการให้กับช่องลาวสตาร์ รวมทั้งยังมีงานอีเวนต์เพื่อสังคมในสถานที่ต่างๆ อีกด้วย
นอกจากจะมีใจรักในกีฬาฟุตบอลเข้าขั้น ยังทุ่มเทคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเหมือนกับ “มาดามแป้ง” ของไทย เคยมีข่าวให้ฮือฮาก่อนหน้านี้ หลังจากประกาศอัดฉีดให้ทัพนักฟุตบอลทีมชาติ สปป.ลาว โค่นทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนชุด U23 รอบรองชนะเลิศ มาแล้ว
เรียกว่า มุ่งมั่นตั้งใจเกินร้อยด้วยความหวังว่า สักวันหนึ่งทีม สปป.ลาว จะขึ้นมาอยู่แถวหน้าในอาเซียนให้ได้
หลังทีม ยู-19 สปป.ลาว เอาชนะทีมไทย “มาดามโบ” บอกว่า “เพราะลาวเราพัฒนา และไม่คิดว่า ชีวิตเราต้องตกรอบไปตลอด!! เราก็พยายาม และพัฒนาเพื่อเราอยากชนะ แพ้ไม่ผิด นะคะ ทุกประเทศมีสิทธิชนะและแพ้ เราวัดกันที่ 90 นาที ลาวมีสิทธิชนะด้วยเหมือนกัน สำคัญนอกจากชนะคือรักษาผลงาน แพ้และปรับปรุงแก้ไขค่ะ ลาวเคยแพ้ แต่มันไม่มีคำว่าตลอดไป”
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผลงานทีมฟุตบอล ยู-19 ของ สปป.ลาว มาไกล เพราะเบื้องหลังมี “มาดามโบ-มาดามแป้งเมืองลาว”คนนี้นี่เอง
**สูตรหาร 500 พรรคใหม่มีแรงฮึด “หมอวรงค์” ผุดสโลแกน ...ไทยภักดี พรุ่งนี้รวย!!
สำหรับพรรคเล็ก พรรคที่ก่อตั้งใหม่ สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 ที่รัฐสภาเพิ่งโหวตวาระ 2 ไปนั้น เหมือนฝนตกในช่วงหน้าแล้ง ทำให้ชุ่มฉ่ำ มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
อย่างพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ลาออกจากสมาชิกพลังประชารัฐ ไปจัดตั้งไว้รอ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่บังเอิญ “บิ๊กตู่” เจอไฟต์บังคับ ต้องประกาศว่าจะยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบกับ “แรมโบ้” เจอกระแส “คลิปเสียงโควตาหวย 15 ล้าน” เข้าไป ทำเอา “รวมไทยสร้างชาติ” แทบแท้ง
ล่าสุด มีข่าวว่า วันที่ 3 ส.ค.นี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค ...แว่วว่า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” มือทำงานของ “บิ๊กตู่” จะมานั่งหัวหน้าพรรค พร้อมเปิดตัวทีมงานระดับ “บิ๊กเนม” อีกหลายคน
เช่นเดียวกับ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ที่ยืนข้าง “บิ๊กตู่” ก็ออกอาการคึกคัก มีเรี่ยวมีแรงที่จะไปฟัดกับฝ่ายตรงข้าม “บิ๊กตู่”
“หมอวรงค์” เปิดฉากด้วยการซัดไปที่ “พรรคเพื่อไทย” ที่พอสูตรหาร 100 ถูกคว่ำ ก็ออกมาโวยวายว่า มีใบสั่ง มีการบิดเบือน บิดเบี้ยว ทำลายระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ฝ่ายตนเอง เป็นผู้ลงมติแพ้ ...ถ้าฝ่ายตนเองชนะได้ใช้สูตรหาร 100 ถึงจะเป็นประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือ...พอแพ้ก็บอกว่าทำลายระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนั้น พรรคเพื่อไทยยังสับสนในตัวเอง เดี๋ยวจะแตกพรรค เดี๋ยวไม่แตกแล้ว คงจะมึนงง สับสนหนัก จนไปไม่เป็น
“หมอวรงค์” ว่า ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยไม่เห็นได้ช่วยเหลือประชาชนอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้าวยากหมากแพง การทำมาหากินฝืดเคือง เห็นทำอย่างเดียวคือ “ตั้งหัวหน้าครอบครัว” ให้มีฐานะเหนือหัวหน้าพรรค จะเอาคะแนนมากๆ คุยโวจะ “แลนด์สไลด์” ก็เพื่อจะพาพ่อที่เคยโกงชาติกลับบ้าน ไม่เห็นเคยบอกว่า แลนด์สไลด์แล้วประชาชนจะได้อะไร ยังยากจนเหมือนเดิม ตอนนี้ประชาชนเขาตาสว่าง เขารู้ทันแล้ว
เพราะ “พรุ่งนี้เพื่อไทย ก็แค่พาพ่อกลับบ้าน” แต่ “ไทยภักดี พรุ่งนี้รวย”!!
“หมอวรงค์” อธิบายความเพิ่มเติมว่า...ทำไมไทยภักดีพรุ่งนี้รวย ก็เพราะว่า พรรคไทยภักดี เชื่อมั่นในหลักคิดเชิงนโยบายที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีรายจ่ายลดลง เมื่อเกษตรกรรวย มีรายได้เพิ่มก็จะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
เรื่องระบบพลังงานนั้น จากที่เราเคยพึ่งพาพลังงานฟอสซิล ก็จะมุ่งไปสู่พลังงานสะอาด หรือ green energy ลดการพึ่งพาน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
เรื่องนโยบายข้าว และลดพื้นที่ทำนา เพื่อให้มาปลูกพืชพลังงาน และจะทำให้ข้าวราคาสูงขึ้น หลักคิดเชิงนโยบายของเรานี้ แม้พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย ก็สู้เราไม่ได้ เราจึงกล้าประกาศว่า...ไทยภักดี พรุ่งนี้รวย!!
ฟังแนวคิด นโยบายของ “หมอวรงค์” แล้วเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเห็นด้วย แต่การจะเอาชนะ พลังประชารัฐ ชนะ เพื่อไทย ในสนามเลือกตั้งนี่ต้องฟังไป มองหน้าคนพูดไป
โดยเฉพาะสโลแกนที่ว่า “ไทยภักดี พรุ่งนี้รวย” แม้จะดูว่าสื่อสารตรงเป้า กระชับ คำคล้องจอง ฟังแล้วปัง! แต่มันก็ทำให้อดคิดถึงภาพแผงลอตเตอรี่ไม่ได้
แบบว่าก่อนหวยออกก็มีความหวัง แต่พอหวยออก ก็ถูกรับประทานเหมือนเดิม!!
