xs
xsm
sm
md
lg

ตื่นๆ...! “บุญยอด” ปลุก กกต. เอาผิดครอบงำพรรค “ชูวิทย์” ซัด หาร 100 หรือ 500 ไม่แก้ปัญหาปากท้องปชช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ คนที่ถูกพาดพิงครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากสยามรัฐออนไลน์ และเฟซบุ๊ก Boonyod Sooktinthai
ปลุกกกต.! “บุญยอด” ชี้ นักโทษหนีคดีครอบงำพรรค “ชูวิทย์” จัดหนัก ไม่ว่า หาร 100 หรือ 500 ไม่ได้แก้ปัญหาปากท้อง ปชช. นอกจากผลประโยชน์อยากได้ส.ส. “ดร.นิว” ฟาด “บิ๊กตู่” ปล่อยให้ถูกรุกรานทางไซเบอร์

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(10 ก.ค.65) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Boonyod Sooktinthai ระบุว่า

“นักโทษหนีคดี” สามารถควบคุมพรรคการเมืองทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้

กกต.ยังไม่คิดจะทำอะไรอีกหรือ??”(จากสยามรัฐออนไลน์)

ภาพ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา โพสต์ “จดหมายจากประชาชนถึงนักการเมือง” ของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เนื้อหาระบุว่า

“เหล่าประชาชนอย่างพวกกระผม ที่อดมื้อ กินมื้อ ข้าวของพาเหรดขึ้นราคาไม่หยุดยั้ง

น้ำมันปรับราคา พาให้ทุกอย่างขึ้นตามกันไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ข้าวแกงข้างบ้าน

แต่พวกกระผมกลับเห็นพวกท่านทะเลาะเบาะแว้ง ห่วงเรื่องหาร 100 หาร 500 เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เป็น ส.ส. ในสภา หรือพรรคห่วงว่าจะได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์น้อย รีบแก้เกมแต่ไม่คิดแก้ปัญหาประชาชนที่เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า

พรรคการเมืองเตรียมจัดตั้งพรรคใหม่แผน 2 ไว้รองรับหาร 500

บางพรรคก็บอกว่าหาร 100 ดีแล้ว

ทั้งๆ ที่จะหาร 100 หรือ หาร 500 ล้วนไม่ได้ทำให้ประชาชนอย่างพวกกระผมมีชีวิตดีขึ้นแต่อย่างใด

แค่ทำให้พวกท่าน พวกใดพวกหนึ่งได้กลับมามีอำนาจเท่านั้น

ท่านเคยคิดหรือเปล่าว่า หารแบบไหนแล้วมันไปเพิ่มข้าวในหม้อของประชาชนให้พอกิน?

สิ่งที่ท่านทะเลาะกันนั้น จะทำให้ประชาชนอย่างพวกกระผมได้มีกิน มีเงินเพียงพอให้ลูก ให้ครอบครัวดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขตามสถานะของคนทั่วไปไหม?

พวกกระผมไม่ได้หวังเข้าสภาเป็นผู้ทรงเกียรติ ได้เป็น ส.ส. ไม่ว่าจะหาร 100, 200, 500 หรือจะหาร 1,000

หวังแค่ให้มีงานทำ ขายของได้ พืชผลที่ปลูกได้ราคา เพียงพอเลี้ยงดูครอบครัว

เพื่อมาดูท่านเล่นตลก ทะเลาะกันออกทีวีให้พวกกระผมดูแก้เซ็งไปวันๆ

ปล. หากท่านลองใช้สมองคิด ช่วยชะโงกหัวถามตัวเองในกระจกว่า ไม่ว่าจะหารเท่าไหร่ จะทำอะไรให้ประชาชนอย่างพวกกระผมพอลืมตาอ้าปากได้บ้าง?

ด้วยความไม่นับถือ”

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=597549291736555&id=100044444678982

ภาพ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากสยามรัฐออนไลน์
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ระบุว่า

“เรามีนายกอดีตทหารที่สอบตกด้านความมั่นคง

ประเทศสิงคโปร์สามารถรวบตัวคนที่โพสต์หมิ่นประมาทข่มขู่คุกคามนายกรัฐมนตรีได้ภายในวันเดียว อีกทั้งมีกระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วในการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย เรามีนายกรัฐมนตรีที่เคยเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการทหารบก แต่กลับไม่เคยสร้างอธิปไตยไซเบอร์ (Cyber Sovereignty) ปล่อยให้ประเทศชาติถูกรุกรานทางไซเบอร์มาโดยตลอด

นอกจากนายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้ตัวเองถูกด่าแบบสาดเสียเทเสีย ยังไม่สามารถปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ปล่อยให้มีการหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายกันอย่างเสรี

แม้คุณ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha จะมีผลงานในด้านต่างๆ จำนวนไม่น้อย แต่กลับสอบตกด้านความมั่นคงอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะไร้สติปัญญาในการสร้างอธิปไตยไซเบอร์ และไม่มีน้ำยาในการผลักดันให้เกิดกระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วในการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

ขณะที่ประเทศสิงคโปร์สามารถรวบตัวผู้กระทำความผิดด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะบนท้องถนนหรือในโลกออนไลน์ได้ภายในวันเดียว แล้วนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วได้ในทันที

แต่ประเทศไทยกลับปล่อยให้มีการทำผิดกฎหมายและบ่อนทำลายความมั่นคงได้อย่างเสรี ตลอดจนมีกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า แถมยังถูกแทรกแซงโดยขบวนการบ่อนทำลายความมั่นคงอีกเสียด้วย

อย่างที่บอกไปแล้ว คุณประยุทธ์มีผลงานไม่น้อยก็จริง แต่ผลงานด้านความมั่นคงและการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นสอบตกอย่างน่าอับอายที่สุด ไม่สมกับการเป็นชายชาติทหารเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างผมหรือใครก็ได้ที่รู้หลักวิชา นั่งอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีในวันนั้น แล้วทำการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ระบอบประชาธิปไตยตามแนวทางที่ถูกต้องและมีความเป็นธรรม

นำไปสู่การทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนชาวไทยตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เราคงมีอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง อีกทั้งมีความมั่นคงแห่งรัฐที่แข็งแกร่งตามไปด้วย

ขอย้ำอีกครั้ง คุณประยุทธ์มีผลงานจำนวนมากก็จริง แต่ผลงานด้านความมั่นคงของคุณมันยิ่งกว่าเสียของ การที่คุณไม่สร้างประชาธิปไตยตามแนวทางที่ถูกต้องของพระมหากษัตริย์ ตลอดจนไม่ยอมสร้างอธิปไตยไซเบอร์ เป็นรากเหง้าของปัญหาความแตกแยกทางความคิดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย”(จากสยามรัฐออนไลน์)

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางการเมือง” โดยเฉพาะความขัดแย้งแตกแยกทางความคิด ของคนสองกลุ่ม ข้อเรียกร้องที่ “ทะลุเพดาน” ของคนรุ่นใหม่ ที่รัฐบาลไม่อาจสนองตอบได้ จนกลายเป็นรัฐบาลที่อยู่ระหว่างเขาควายของสองขั้วขัดแย้ง คือ ฝ่ายเสนอปฏิรูปสถาบันฯ และฝ่ายปกป้องสถาบันฯ

ปัญหานี้ ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ ว่าละเอียดอ่อนแค่ไหน แก้ปัญหาอย่างง่ายดายได้หรือไม่

เพราะอย่าลืมว่า ทั้งสองฝ่ายเป็นคนไทย การจัดการแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนไทย จึงไม่สามารถที่จะทำตามความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้อย่างเด็ดขาด เพราะจะมีปัญหาตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย และจะต้องถูกโจมตีจากอีกฝ่ายแน่นอน

ยิ่งเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องประชาธิปไตย คนที่พร้อมจะหนุนหลังแทรกแซงกิจการภายในของไทย ก็เห็นอยู่แล้วว่าใครบ้าง

แต่ก็อย่างว่า คนที่เป็นนายกฯก็จะต้องรับผิดชอบอยู่ดี และหาวิธีแก้ไขให้ได้ หากปล่อยให้สองฝ่ายแก้ปัญหากันเองรับรองฆ่ากันตายแน่

เรื่องการเมืองในรัฐสภา ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เห็นหัวประชาชนอยู่แล้ว สิ่งที่เล่นเกมกันอยู่ในเวลานี้ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของ “สองขั้ว” อำนาจเช่นกัน คือ ฝ่าย “ระบอบประยุทธ์” และ “ฝ่ายระบอบทักษิณ” ส่วนอื่นแค่กองหนุน?

แม้กระทั่ง การเลือกตั้งครั้งหน้าที่ชิงตำแหน่งนายกฯ ก็น่าจะอยู่ในกระแสของสองขั้วนี้เช่นกัน ไม่เชื่อคอยดู!?


กำลังโหลดความคิดเห็น