จบนะ! “บัณฑิต ทองดี” แจง กทม.ไม่เสียเงินค่าเช่าจอสักบาท ระบุจ่ายค่าแรงแค่จุดละ 6 พัน “ทราย” ยัน ตน ติ๊ก เจษฎาภรณ์, อุ๋ย นนทรีย์ ไม่รับค่าตัว หลังคนในโซเชียลโพสต์แฉหนังกลางแปลง “ชัชชาติ” จอละ 8 ล้าน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (8 ก.ค.) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความพร้อมภาพ กรณีดรามาหนังกลางแปลง “ชัชชาติ” จอละ 8 ล้าน ระบุว่า
“ชี้แจงแบบนี้ก็เคลียร์ดีแล้วครับ เรื่องดีๆ อย่าไปจับผิดกันมาก
เป็นเรื่องดีต่อคนทั่วไปนะครับ ที่จะได้รู้ว่า
ต่อไปจะจ้างหนังกลางแปลง ก็แค่จอละ 6,000 เอง”
รวมทั้งแชร์โพสต์ของ Thongdaw Thongaram ระบุว่า
“โต้เดือด!!! ค่าใช้จ่าย
หนังกลางแปลงชัชชาติ
จาก จอละ ๘ ล้าน
เหลือ จอละ ๖ พัน”
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ “สถาบันทิศทางไทย-Thai Move Institute” โพสต์ภาพที่บันทึกข้อความอ้างว่า กิจกรรมหนังกลางแปลง “ชัชชาติ” จอละ 8 ล้าน
ขณะที่ บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงกิจกรรมกรุงเทพกลางแปลง ว่า ตนไม่ได้เป็นโต้โผจัดงาน นายกสมาคมผู้กำกับกับทีมทำงานย่อยเป็นโต้โผ แต่ตนให้คำปรึกษาทีมจัดงานมาตลอดรู้ข้อมูลทุกอย่างรวมไปถึงเรื่องค่าใช้จ่าย งานนี้ กทม.ไม่เสียเงินค่าเช่าจอสักบาท
“กทม.ประสานงานเรื่องการอนุเคราะห์สถานที่เป็นหลัก หอภาพยนตร์เป็นเจ้าภาพเรื่องการฉาย โดยสมาคมหนังกลางแปลงคิดราคาให้เหลือแค่ 150,000 บาท ในการฉาย 25 ครั้ง เป็นแค่ค่าแรงทีมงานฉายหนังเท่านั้นครับ เท่ากับจุดละประมาณ 6,000 เองครับ อย่าสร้างความแตกแยกด้วยความเข้าใจผิดเลยครับ”
นอกจากนี้ ทราย เจริญปุระ พิธีกรช่วงเสวนาภายในงาน ได้โพสต์เฟซบุ๊กเสริมข้อเท็จจริงในงาน ระบุว่า “งานกรุงเทพกลางแปลง ที่คนเอาไปลือกันว่า เป็นล้าน เป็นร้อยล้านนะคะ มันไม่ใช่เลย คือ เราได้รับความอนุเคราะะห์ช่วยเหลือจากหลายฝ่ายมากๆ ที่รักหนัง อยากให้พื้นที่เมืองได้มีชีวิตชีวา ทั้งจอ ทั้งพื้นที่ ทั้งออกร้าน จัดสรรงบที่มีเป็นค่าแรงค่าน้ำมันของพันธมิตร ที่ช่วยเหลือกันเท่านั้นเอง เมื่อวาน ทราย พี่ติ๊ก เจษ พี่อุ๋ย นนทรีย์ เราไปแบบไม่รับค่าตัวด้วย ทุกคนตั้งใจไปช่วยกันค่ะ”
อนึ่ง กิจกรรม กรุงเทพกลางแปลง จัดฉายหนังในพิกัดต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ตาม 216 นโยบาย ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา มีกิจกรรมที่ลานคนเมือง ฉายภาพยนตร์เรื่องแรก “2499 อันธพาลครองเมือง” โดยมี ติ๊ก เจษฎาภรณ์, อุ๋ย นนทรีย์, ทราย เจริญปุระ, เบิร์ดกะฮาร์ท และ ปั่น ไพบูลย์เกียรติ ไปร่วมงานดังกล่าว ได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก (จากประชาไท)
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจอาจเนื่องมาจากกระแสความร้อนแรงของ “ชัชชาติ” ที่ไม่ว่าจะจับเรื่องอะไรขึ้นมาทำ ล้วนได้รับความสนใจ ขณะเดียวกัน ก็ไม่พ้นสายตาของคนที่ต้องการตรวจสอบด้วย
โดยเฉพาะมีบางฝ่าย “ตีตรา” ความเป็นเจ้าของ “ชัชชาติ” เอาไว้แล้ว ก็ยิ่งนำมาซึ่งการตรวจสอบ หรือ ไวต่อประเด็นที่ถูกกล่าวหา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่การชี้แจงของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และการพิสูจน์ตัวเองของ “ชัชชาติ” ให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ใจ ทุกอย่างก็จะเข้าใจตรงกัน
เรื่องนี้ ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็ถือได้ว่า เป็นการ “ฟอกขาว” ให้ “ชัชชาติ” เป็นอย่างดี หรือไม่จริง!?