“ชัชชาติ” แจง กมธ.งบฯ ปี 66 มั่นใจนโยบาย 216 ข้อทำได้โดยไม่ใช้เงิน แค่เปลี่ยนวิธีคิด เผยอุปสรรคสำคัญทำงาน คือ การประสานงาน 1 เดือนแรกเดินสาย “ไหว้” ขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน-ภาคเอกชน พร้อมส่งสัญญารถไฟฟ้าให้ตามที่ กมธ.ร้องขอ แต่ต้องไปศึกษา กม.ก่อน เพราะในสัญญาระบุว่าห้ามเปิดเผยต่อสาธารณะชน เว้นแต่ กม.กำหนด
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค. เวลา 19.30 น. ที่รัฐสภา ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่มี นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองประธาน กมธ. คนที่ 18 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งเป็นการพิจารณาในส่วนของกระทรวงมหาดไทย คือ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ซึ่งในการพิจารณางบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2 แห่ง คือ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าชี้แจง
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณของ กทม. วงเงิน 20,634.7242 ล้านบาท โดยได้รับความสนใจจากกรรมาธิการ ซึ่งมีผู้สอบถาม กว่า 20 คน อาทิ ปัญหา เรื่องสายสื่อสาร โครงการก่อสร้างสะพานเกียกกาย ปัญหาขยะใน กทม. เรื่องอุโมงค์ยักษ์ ปัญหาทางเท้า เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เรื่องบีทีเอส เป็นต้น
นายชัชชาติ กล่าวถึงปัญหาขยะใน กทม. โดยชี้แจงว่า มีโรงงานขยะหลายโรงที่มีปัญหากับชุมชน ตอนนี้ ให้หยุดดำเนินการ และแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึง อ่อนนุช ที่มีการใช้แก๊สผลิตไฟฟ้า ปัญหาอีกส่วนไม่ใช่เรื่องการกำจัดขยะ แต่เป็นเรื่องราคากำจัดขยะด้วยที่มีตัวเลขค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับต่างจังหวัด อีกทั้งมีการทำสัญญาระยะยาว 20 ปี ทำให้การปรับเปลี่ยนยาก ตอนนี้ทำได้คือทำตามระเบียบกฎหมายให้เข้มข้นเพื่อดูแลผลประโยชน์ประชาชนอนาคตจะมีกระบวนการแยกขยะเปียก ขยะแห้ง เพื่อลดปริมาณขยะ ส่วนการประมูลเพิ่มต้องให้ราคาต่ำสุด ค่าเก็บขยะแพงมาก เมื่อเทียบกับงบสาธารณสุขและการศึกษา ซึ่งต้องแก้ไขต่อไป
โดยช่วงหนึ่ง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคราม กรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทย ได้ถามถึงเรื่องสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมขอเอกสารด้วย
นายชัชชาติ ได้ชี้แจงในประเด็นบีทีเอส ตอนหนึ่งว่า ตนไม่ได้เป็นคนทำสัญญา ส่วนต่อขยายที่ 1 กับ ส่วนต่อขยายที่ 2 จ้างถึงปี 85 เป็นเรื่องที่อยู่ใน ป.ป.ช. เราได้ทำหนังสือเร่งรัดไปแล้วว่า ผลการสอบสวนเป็นเช่นใด มีความคืบหน้าอะไรหรือไม่ ส่วนสัญญา ปี 72-85 จะยกเลิกได้หรือไม่ ถามว่าจะประมูล ปี 72 ได้หรือไม่ คือ ตอนนี้สัญญา ปี 72-85 ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ต้องดูว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ส่งไป ป.ป.ช. ด้วย ถ้าไม่เช่นนั้น ปี 72-85 ต้องจ้างเดินรถ และจะมีค่าเสียหาย ซึ่งมีคนบอกว่าเขาคงจะเรียกแพงถ้าเราจะขอเลิกสัญญา แล้วประมูลใหม่ ปี 72 กำลังหาลู่ทางว่ากระบวนการครบถ้วนหรือไม่ มีอันไหนที่ควรจะเข้าสภา กทม. แล้วไม่ได้เข้าหรือเปล่า ให้ทางฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอยู่
“ส่วนสัญญา ท่านขอก็ต้องให้ท่าน แต่ประเด็นคือสัญญานี้เขียนว่า ห้ามเปิดเผยต่อสาธารณชน ยกเว้นเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งถ้าท่านขอผมก็คงปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะท่านเป็นกรรมาธิการ คงเปิดเผยให้ท่านได้ เดี๋ยวคงจัดให้ท่านกรรมาธิการตามที่ท่านยุทธพงศ์ ได้ร้องขอ” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของงบประมาณ กทม. จริงๆ กทม. มีงบอีก 80,000 ล้านบาท ที่ได้จากภาษีต่างๆ รวมแล้วประมาณแสนล้านบาท ไม่ได้เยอะถ้าเทียบกับงบของรัฐบาล 3.1 ล้านล้านบาท ของเราเทียบเป็น 2.5% ของเงินรัฐบาล แต่เราดูแลประชากร 15% ดังนั้น งบแสนล้านไม่ได้เยอะเกินขอบเขตหน้าที่ที่เราดูแลอยู่ สำหรับ กทม. มีความอึดอัดตรงที่ว่าหลายส่วน มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น สาธารณสุข เราไม่มีสาธารณสุขจังหวัด เมื่อเกิดโควิด ไม่มี Single Command มีเตียงแค่ 10% ที่เหลือเป็นของเอกชน หน่วยงานอื่น ขณะที่จราจร มี 37 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พอรถติดที หาเจ้าภาพยาก เป็นความอึดอัดอันหนึ่งที่คิดว่ามีปัญหาอยู่
“ในส่วนของ กทม. มีแผ่นแม่บทอยู่แล้ว 7 ยุทธศาสตร์ 20 ปี ผมในฐานะคนเข้ามาใหม่ เราคงจะไม่ปรับยุทธศาสตร์ทันที เพราะไม่อยากให้ผู้ว่าฯ มาทียุทธศาสตร์ที แต่เราคงพยายามทำให้ยุทธศาสตร์ที่เรามีเข้ากับของที่มีอยู่ก่อน คิดว่าไม่แตกต่าง ส่วนตัวคิดว่าอยู่ที่ Action Plan มากกว่า” นายชัชชาติ กล่าว
นอกจากนี้ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทย ได้ซักถามแสดงความเป็นห่วง ว่า ไม่มีเงินจะทำได้หรือไม่ โดย นายชัชชาติ ชี้แจงว่า ทำได้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเรามีปัญหาตรงนี้แน่ และนโยบาย 216 ข้อ จำนวนมากไม่ได้ใช้เงิน แค่เปลี่ยนวิธีคิด เช่น Open data ก็ไม่ได้ใช้เงิน ใช้แพลตฟอร์มในการแจ้งเหตุ ส่วนโครงการที่ใช้เงินรอทำปีหน้า ส่วนอุุปสรรคสำคัญ คือ เรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงาน กทม.ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีวิธีง่ายที่สุด คือ ผู้ว่าฯ ต้องเดินไหว้ไปทั่ว เดือนแรกก็ไหว้ทุกหน่วยงานขอความร่วมมือ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี รวมถึงภาคเอกชนด้วย