xs
xsm
sm
md
lg

ลุงตู่ผู้นำ!?? ชาวเน็ตเกาหลี จับโป๊ะ ปธน.จัดฉาก จ้องจอคอมพ์ว่าง มือถือกระดาษเปล่า **สูตรปาร์ตี้ลิสต์นั้นสำคัญไฉน ทำไม “บิ๊กตู่” สั่งคว่ำสูตรหาร 100 ไปเอาแบบหาร 500

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ลุงตู่ผู้นำ!?? ชาวเน็ตเกาหลี จับโป๊ะ ปธน.จัดฉาก จ้องจอคอมพ์ว่าง มือถือกระดาษเปล่า

กลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตบ้านเรานำข่าวของผู้นำเกาหลีใต้ “ประธานาธิบดี ยุนซอกยอล” ที่ชาวเน็ตเกาหลี “จับโป๊ะ” แอกชัน ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ และถือกระดาษที่ว่างเปล่า มาเทียบกับกรณี “ลุงตู” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่เต๊ะท่า อ่านเอกสารเปล่าบนเครื่องบิน ว่า ช่างเหมือนกันโดยที่ไม่ต้องเอาปากกามาวง

เรื่องของเรื่องมาจาก ทำเนียบประธานาธิบดี ได้เผยแพร่ภาพชุดภารกิจของ “ยุนซอกยอล” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระหว่างการไปเยือนมาดริด ประเทศสเปน โดยหนึ่งในภาพชุดนี้ มีภาพของประธานาธิบดีนั่งอยู่ที่โต๊ะ ซึ่งด้านหน้าเป็นคอมพิวเตอร์ และมือจับเมาส์อยู่ และอีกภาพที่ประธานาธิบดีถือกระดาษคล้ายเอกสาร

ปรากฏว่า ต่อมาที่ชาวเน็ตเกาหลีเข้าไปส่อง และซูมภาพแล้ว พบว่า จอคอมพิวเตอร์ ที่ ประธานาธิบดีจ้องอยู่นั้น เป็นจอขาวๆ ไม่มีอะไร ส่วนกระดาษที่ถือก็เป็นกระดาษเอกสารที่ว่างเปล่า ไม่มีข้อความอะไร ดรามาก็เลยบังเกิดไปทั่วโลกโซเชียลฯ ของเกาหลี

สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้ ถึงกับเอามารายงานว่า ชาวโซเชียลฯ เกาหลีเป็นงง ผู้นำของพวกเขาจัดฉาก วางมาดงานยุ่งแบบทำไปด้ายยย
พอมีดรามา ก็มีรายงานว่า ตอนหลังทำเนียบประธานาธิบดี ออกมาระบุว่า ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากประชุมกับผู้ช่วยของเขา เมื่อเช้าวันอังคารที่กรุงมาดริด ขณะกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสุดยอดนาโต ที่ สเปน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - ประธานาธิบดี ยุนซอกยอล
สำหรับข้อสงสัยที่ว่า เป็นการจัดฉากโพสต์ถ่ายภาพนั้น ทำเนียบฯ ระบุว่า ได้ถ่ายภาพหลังยุน ลงนามในรายการสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีที่โซล โดยเว้นหน้าว่างไว้ ทั้งยังกล่าวขอโทษว่า “เมื่อเผยแพร่ภาพของประธานาธิบดี เราพยายามที่จะไม่แสดงสิ่งที่อยู่บนจอมอนิเตอร์ หรือเอกสารที่ประธานาธิบดี กำลังดูอยู่” และว่า “เราใส่ใจอย่างมากเวลาที่เราปล่อยรูป และการบิดเบือนว่า เรากำลังจัดฉากนั้น ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเศร้าใจ”

อย่างไรก็ดี งานนี้ชาวเน็ตไทยไม่พลาดที่จะแซะตามน้ำ และแซว ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เลียนแบบไทย? แต่พอมาดูการชี้แจง ทางเกาหลียังชี้แจง หรือแถได้ดีกว่าลุง เพราะลุงเอาแต่เหวี่ยงใส่

บางคนก็บอกว่า ...แล้วมุมอื่นไม่หามา …อย่าหาทำ fake สากล, คงจะเตรียมคุยข้อราชการกับนายกฯ ของไทยแลนด์แน่เลย
สารพัดคอมเมนต์ที่เข้ามาขำๆ อำกันไป

ถ้าจำกันได้เมื่อเร็วๆ นี้ “ลุงตู่” ก็มีภาพที่มี ดรามา ว่าจัดฉาก ซึ่งงานนั้นลุงแอกชัน อ่านกระดาษเปล่าบนเครื่องบิน ระหว่างเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น




เมื่อดรามากันหนักเข้า พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับหัวร้อน ตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่า “นายกฯอ่านหนังสือ ยังนำรูปไปวิพากษ์วิจารณ์ได้ หาว่านายกฯ แทนที่จะอ่านหนังสือเตรียมประชุมทั้งที่ความจริง หนังสือที่อ่านเป็นหนังสือของสายการบินที่วางไว้ ก็หยิบขึ้นมาดู ส่วนแฟ้มการประชุม ก็วางไว้ใกล้ๆ กัน ไม่เข้าใจทำไมหาเรื่องว่านายกฯ ได้ทุกเรื่อง ไม่รู้เป็นอะไรกัน บ้านเมืองประเทศไทย”

งานนี้ สรุปว่า “ลุงตู่” เป็นผู้นำ ชาวเน็ตก็หยอกกันพอหอมปากหอมคอแล้วกัน เบาได้เบานะจ๊ะ..



**สูตรปาร์ตี้ลิสต์นั้นสำคัญไฉน ทำไม “บิ๊กตู่” สั่งคว่ำสูตรหาร 100 ไปเอาแบบหาร 500

หลังจากมีการแก้รัฐธรรมมนูญให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ให้มี ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ก็ต้องมีการแก้กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อให้สอดคล้องกันด้วย

แต่ที่เป็นประเด็นร้อน มีการพูดถึงกันมากที่สุด ก็คือ กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น จะมีการแก้ไขสูตรในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าจะใช้สูตรหาร 100 หรือ หาร 500 เพราะจะส่งผลถึงความได้เปรียบเสียเปรียบในทางการเมืองระหว่างพรรคใหญ่ กับพรรคเล็ก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สูตรหาร 100 คือ การคิดเฉพาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยเอาคะแนนทั้งประเทศมาหารด้วย 100 ก็จะเป็นคะแนนที่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน เป็นการคำนวณเหมือนการเลือกตั้งก่อนที่จะมี  รธน.60 ซึ่งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ที่มีคะแนนนิยมดี ก็จะมีโอกาสมี ส.ส.บัญชีรายชื่อได้มาก เพราะการจะมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ต้องมีคะแนนเป็นแสน

แต่การหาร 500 นั้น จะคิด ส.ส.พึงมี คือ นำคะแนนพรรคการเมืองทั่วประเทศ มาหารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งสภา คือ หารด้วย 500 ออกมาเป็นตัวเลข คือ คะแนนเฉลี่ยต่อ 1 ส.ส.พึงมี แต่ยังไม่ใช่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ การคิดคำนวณวิธีนี้ ก็เหมือนการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 62 ที่คะแนนทั้งพรรคไม่ถึงแสน ก็ได้เป็น ส.ส. แถมยังมี ส.ส.ปัดเศษ ซึ่งสูตรนี้เป็นคุณกับบรรดาพรรคเล็ก พรรคจิ๋ว

สรุปว่า สูตรหาร 100 เข้าทางพรรคใหญ่ สูตรหาร 500 เป็นคุณกับพรรคเล็ก

ที่ผ่านมา การพิจารณากฎหมายนี้ ในชั้นกรรมาธิการ และวิปรัฐบาล มีมติว่า จะใช้สูตรหาร 100 โดยไม่สนใจว่าจะเข้าทางพรรคเพื่อไทย ทำให้พลพรรคทักษิณถึงกับประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะชนะแบบ “แลนด์สไลด์” ... ขณะที่พรรคเล็ก ก็พยายามดิ้นรนไม่ให้สูญพันธุ์ หาทางต่อรองกับรัฐบาลให้กลับมาใช้สูตรหาร 500 เหมือนเดิม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ว่ากันว่า บรรดาพรรคเล็กได้รวมตัวกันยื่นเงื่อนไขแบบไม่ต้องใช้กล้วยที่รัฐบาลต้องรับฟัง คือพร้อมจะโหวต “ฟอกขาว” รัฐมนตรี ในศึกซักฟอกที่กำลังจะมีขึ้น เพียงแค่รัฐบาลหันมาใช้สูตรหาร 500

นั่นจึงเป็นที่มาของข่าว “อินไซด์ ครม.” อ้างแหล่งข่าวว่า ในช่วงพักเบรกการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียกรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ของพรรคร่วมรัฐบาล มาพูดคุยหารือก่อนจะบอกว่า “ผมเอาสูตรหาร 500 ใครเห็นอย่างไร” ซึ่งหัวหน้าและเลขาฯพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่มีใครขัด ตกลงเอาไงเอากัน ...

ส่วนปัญหาเรื่องจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกฯ บอกว่า สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและหาทางออกให้ เพราะจะต้องมีคนส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความแน่

หลังจากมีข่าวนี้ออกไป ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า “บิ๊กตู่” กะยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ นอกจากสกัดแลนด์สไลด์แล้ว ยังได้เสียงจากพรรคเล็กมาหนุนรัฐบาลด้วย

อย่างไรก็ตาม ในวันรุ่งขึ้น “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รีบออกมาปฏิเสธว่า ทั้งนายกฯ และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่เคยตั้งธงว่าจะใช้สูตรหาร 500 โดยให้แต่ละพรรคที่ไปตัดสินใจกันเอง

ทักษิณ ชินวัตร
ขณะที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็พูดถึงเรื่องนี้ในคลับเฮาส์ หลังมีข่าวบิ๊กตู่จะเอาสูตรหาร 500 เพื่อสกัดแลนด์สไลด์ ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ปาร์ตี้ลิสต์น้อยลง พรรคก้าวไกลก็อาจจะได้มากขึ้น แต่ยังไง พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ก็รวมกันได้เกิน 300 เสียงอยู่ดี
...สมมติว่า มีโหวตเตอร์ 30 ล้านคน หาร 500 ก็คือ 6 หมื่นเสียง สมมติว่า พรรคเพื่อไทย ได้ 15 ล้านเสียง ซึ่งไม่น่าไกลเกินฝัน แต่ได้ ส.ส.เขตมาแล้ว 200 เอา 6 หมื่น หาร 15 ล้าน ได้ 250 ที่นั่ง ได้ปาร์ตี้ลิสต์อยู่ 50 ก็ถือว่าไม่ขี้ไก่นะ แต่อยู่ที่กรอบคิดนะ เขาต้องคิดเอง ส.ส.เขตได้ยังไง แต่ผมว่าคงไม่น่ามีปัญหา...ยังไงพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเอามารวมกันก็ได้เกิน 300 อยู่ดี ส่วนฝั่งรัฐบาล ผมให้เต็มที่ 200 เลย นี่ให้เต็มที่แล้วนะ อย่าหาว่าผมดูถูก ดีไม่ดี ไม่ถึง 200 ด้วย ...

ก็ไม่รู้ว่า “ทักษิณ” จะพูดแบบใจดีสู้เสือ หรือมั่นใจในคะแนนนิยม จะไม่สนใจว่า “บิ๊กตู่” จะมาไม้ไหน

แล้วในที่สุด สภาก็โหวตให้ใช้สูตรหาร 500 ตามใบสั่ง ...แต่ไม่ว่าสภาจะโหวตสูตรไหน เชื่อว่าถึงที่สุดแล้ว ก็จะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความแน่ ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาในการพิจารณาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน




กำลังโหลดความคิดเห็น