ฟาดแรง เพจดัง ซัด “ทักษิณ” เสือก! #ก้าวข้ามโถขี้ กรณีเสนอถอนตัวจัดเอเปก เจ้าตัวทวีต “ขออภัย” ทำให้เข้าใจผิด โหน “ชัชชาติ” แซะ “บิ๊กตู่” ประชาสัมพันธ์อย่างไร ก็ปั่นไม่ขึ้น “นักวิชาการ” กลัว “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ก.ค. 65) เพจฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า
“ไอ้คนมอนเตไม่ต้องเสือก
#ก้าวข้ามโถขี้”
ส่วนภาพระบุข้อความที่ “โทนี่” เสนอให้ประเทศไทยถอนตัวจัดประชุมเอเปก
อย่างไรก็ตาม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ Thaksin Shinawatra ระบุว่า
“ผมต้องขออภัยที่พูดคลับเฮาส์เมื่อคืนนี้ ทำให้สื่อบางท่าน หรือบางสำนัก เข้าใจว่า ผมเสนอให้รัฐบาลถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพเอเปก จริงๆ แล้ว ผมหมายถึงรัฐบาลนี้ไม่มีความพร้อมที่จะทำหน้าที่ประธานเอเปก”
ขณะเดียวกัน จากกรณี นายทักษิณ หรือ โทนี่ วู้ดซัม ได้เข้าร่วมไลฟ์สดพูดคุยในหัวข้อ “ผู้นำต้อง “ทำงาน” ไม่ใช่ผลาญแต่ภาษี” โดยมีการพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า
พล.อ.ประยุทธ์ มีทัศนคติแบบเป็น ผบ.ทบ. เป็นผู้ปฏิวัติเข้ามา คิดว่า มีอำนาจมโหฬาร ถ้าท่านยังทำแบบเดิม คิดแบบเดิม ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาจ้างใครมาประชาสัมพันธ์แข่งกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ที่ใช้เงินศูนย์บาท ใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ทำงานให้ดูอย่างเดียว เปิดเผยข้อมูล แต่ พล.ประยุทธ์ เอา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ผอ.กรมประชาสัมพันธ์ เข้ามาช่วย ใช้งบปีละ 2,000 กว่าล้าน ยังโฆษณาไม่ขึ้น เพราะสินค้าที่จะโฆษณาขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์ หากผลิตภัณฑ์ดี พูดนิดเดียวก็ขายดี แต่ผลิตภัณฑ์ไม่ดี ปั่นเต็มที่ยังไงก็ขายไม่ได้
นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังกล่าวว่า ท่านเป็นนักใช้งบประมาณ ไม่ใช่นักหาเงินใส่งบประมาณ กู้จนประเทศพัง ถนัดกับการคิดว่าจะทำยังไงให้ใช้งบประมาณให้หมด ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้นำที่จะหาเงินมาใส่ยังไง (จากสยามรัฐออนไลน์)
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก “Harirak Sutabutr” ระบุว่า
“ไม่น่าแปลกใจนัก ที่ผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพลออกมาว่า คะแนนนิยมของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยอยู่อันดับ 1 หล่นลงไปอยู่อันดับที่ 4 ได้เพียงร้อยละ 11.68 ในขณะที่คะแนนนิยมของคุณอุ๊งอิ๊ง มาเป็นอันดับ 1 ได้ถึงร้อยละ 25.28 มากกว่า พลเอก ประยุทธ์ ถึงกว่า 2 เท่า และอันดับ 2 คือ ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้มีผู้ตอบร้อยละ 18.68 ซึ่งก็มากกว่า พลเอก ประยุทธ์ เช่นกัน
ที่น่าแปลกใจก็คือ ผู้ที่ระบุว่า ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้มีมากเป็นอันดับ 2 นี่แหละ เพราะนั่นแสดงว่า ผลสำรวจของนิด้าโพลครั้งนี้ ชี้ว่า คนส่วนใหญ่ตัดสินใจแล้วว่าต้องการให้คุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี
หากผลสำรวจครั้งนี้ เป็นตัวแทนของประชากรทั้งประเทศได้จริง แสดงว่า ประชาชนที่เคยต้องฝืนใจเลือกพรรคพลังประชารัฐเพื่อไม่ต้องการให้คุณทักษิณกลับมามีอำนาจอีก เขาจะไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐอีกแล้ว และยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด ผู้ที่ยังนิยม พลเอก ประยุทธ์ อย่างเหนียวแน่นมีเหลืออยู่เพียงร้อยละ 11.68 เท่านั้น และทั้งหมดน่าจะเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ขึ้นไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคพลังประชารัฐ และ พลเอก ประยุทธ์ จะทำอย่างไรเพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับมา นี่เป็นคำถามที่ผู้สื่อข่าวทั้งหลายยิงใส่ทั้ง พลเอก ประยุทธ์ และ พลเอก ประวิตร แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่เป็นรูปธรรมชัดเจน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ทั้งพลเอก ประยุทธ์ และ พลเอก ประวิตร ไม่ได้หวั่นไหวต่อผลการสำรวจของนิด้าโพลครั้งนี้ เพราะได้มีการแบ่งความรับผิดชอบและมอบหมายให้ผู้บริหารพรรคบางคนให้กำกับดูแลการเลือกตั้งแต่ละภาคเรียบร้อยแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการตอบคำถามว่าจะเรียกคะแนนนิยมกลับมาได้อย่างไรอยู่ดี
เชื่อว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรอดพ้นจากการอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน ที่จะมีขึ้นในเดือนนี้ เพราะยังไม่เห็นว่า พรรคฝ่ายค้านจะมีหมัดเด็ดอะไรมาล้ม พลเอก ประยุทธ์ ได้ และภายในพรรคร่วมรัฐบาลเองก็คงไม่มีใครอยากเสี่ยงกับการต้องลงไปเป็นฝ่ายค้านในขณะนี้ ส่วนพรรคเล็กที่มีปัญหาก็คงมีเพียงพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งแม้จะมีการแตกแถวบ้าง แต่ไม่น่าจะมีมากพอที่จะล้ม พลเอก ประยุทธ์ ได้ แต่การจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัยนี่สิ ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
หาก พลเอก ประยุทธ์ รอดพ้นจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยังต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย พลเอก ประยุทธ์ จะต้องแยกตัวเองออกจากพรรคพลังประชารัฐ ให้ได้ และต้องไม่มี 3 ป. อีกต่อไป เท่านั้นยังไม่พอ พลเอก ประยุทธ์ จะต้อง rebrand ตัวเอง เปลี่ยนบุคลิก วิธีพูด วิธีคิด วิธีการทำงานเสียใหม่ จึงจะพอมีหวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก 1 สมัย เพราะหากคนกลุ่มที่ยังหาคนเหมาะสมมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ซึ่งมีร้อยละ 18.68 หันกลับมาเลือกพลเอก ประยุทธ์ รวมกับคะแนนนิยมที่ยังคงเหลืออยู่ ก็จะสามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยและคุณอุ๊งอิ๊งได้
อย่างไรก็ดี อุปสรรคใหญ่ คือ การแยกออกจากพรรคพลังประชารัฐ และการ rebrand ตัวเองของ พลเอก ประยุทธ์ ที่เป็นเรื่องยากมาก กระทั่งเป็นไปไม่ได้ และหากทำไม่ได้ เราก็เตรียมทำใจยอมรับการมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร ที่มีคุณทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังได้เลย นอกเสียจากว่าจะมีพรรคอื่นที่เป็นทางเลือกใหม่ที่มีทุนสนับสนุนเพียงพอ ที่ไม่ได้มาจากกลุ่มธุรกิจใดๆ และมี candidate นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและดูดี ไม่แน่ว่าพรรคการเมืองเกิดใหม่ในระยะนี้จะมี candidate นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่น่าสนใจหรือไม่
หากคุณอุ๊งอิ๊ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแบบ landslide จะมีความพยายามนำพ่อกลับบ้านโดยไม่ต้องเดินเข้าห้องขัง ซึ่งวิธีเดียวที่จะทำแบบนั้นได้ ก็คือ การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยเหมาเข่ง ซึ่งเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดความไม่สงบตามมา กระทั่งอาจทำให้เกิดสงครามกลางเมืองได้ แต่พวกเขาก็ยังคงจะทำ เพราะนั่นคือ เป้าหมายหลักของการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย
ดูจากการเลือกคนเพื่อให้รางวัล Tony Woodsome Awards และ คิดเคลื่อนไทย Awards ก็พอจะรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ เช่นนี้แล้ว ผู้ที่ต้องการให้คุณอุ๊งอิ๊งได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่มีใครเปลี่ยนใจบ้างหรือ ยังไม่เข็ดกันอีกหรือ”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ” ผ่านคลับเฮาส์ โดยเฉพาะเรื่องเสนอให้รัฐบาลไทยถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง และเพื่อให้ได้โจมตีพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายดิสเครดิต “ทักษิณ” ทำได้หมด
อย่างกรณีเสนอให้ไทยถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก ไม่ว่าจะอ้างความไม่พร้อมหรืออะไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่ผลประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียว แต่มันคือผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน ที่ใหญ่กว่า
คิดดูก็แล้วกันว่า “หวังดี” กับประเทศหรือไม่ คนไทยน่าจะเข้าใจดี เพราะแทบไม่ต้องแปลความหมายอะไรอีกแล้ว!?