“เพจดัง” ตบหน้า “ณัฐวุฒิ” เปิดลึกสัมพันธ์ “โทนี่-นายพลพม่า” ประโยชน์มหาศาล จนทะเลาะกับ “พล.อ.สุรยุทธ์” นักวิชาการ เตือน ไทย-เมียนมา จะเหมือน “ยุโรป-รัสเซีย” เพราะ “ก๊าซธรรมชาติ” “ดร.นิว” ซัด 3 นิ้ว ยุเปิดศึก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (3 ก.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก The The METTAD โพสต์ภาพเปิดลึกสัมพันธ์ระหว่าง “ทักษิณ” กับ นายพลพม่า ที่มีผลประโยชน์ร่วมมหาศาล จนทะเลาะกับ พล.อ.สุรยุทธ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น พร้อมข้อความระบุว่า
“จึงขอกราบเรียน ท่านผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้รับทราบมา ณ ที่นี้”
ก่อนหน้านี้ The METTAD ยังโพสต์ตอบโต้กรณีกัมพูชา หลัง นายณัฐวุฒิ ออกมาจวก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล เรื่องท่าทีต่อการล้ำแดนของเครื่องบินรบพม่า ระบุว่า
“ตอนเขาพระวิหาร กูก็อยากเห็นพวกพี่เต้น หวงแหนแผ่นดินให้ได้แบบนี้นะ แต่ก็ไม่”
ขณะเดียวกัน ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊ก “Sunt Srianthumrong” ในประเด็นเกี่ยวกับเครื่องบินรบเมียนมาล้ำชายแดนไทย ว่า
“ไทย-เมียนมา : ภาพสะท้อนยุโรป-รัสเซีย ทำไมรัฐบาลไทยและกองทัพไทยไม่กล้าเล่นใหญ่ และห้ามทำด้วย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมียนมาตัดก๊าซไทยแบบทันที
ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่คนไทยทุกคนควรรู้เพื่อจะได้เข้าใจหัวอกของรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคงและทหาร ก็คือ เมียนมามีแต้มต่อเหนือไทยมากๆ อยู่หนึ่งเรื่องสำคัญ ที่ไม่ใช่กำลังทหาร ไม่ใช่กำลังประชาชน แต่นั่นคือ ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งไม่ต่างจากการที่รัสเซียมีแต้มต่อเหนือยุโรปเลยครับ
ผมคิดว่า แต้มต่อนี้น่าจะเป็นที่รู้กันดีทั้งในฝ่ายความมั่นคงฝั่งไทยและเมียนมา ข้อมูลพวกนี้เป็นข้อมูลสาธารณะทั้งนั้นครับ
ข้อมูล :
1. ประเทศไทยพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติจากเมียนมามากถึง 6,500 MW
2. Peak Demand ของประเทศปีนี้อยู่ที่ 33,177 MW ณ วันที่ 28 เม.ย. 2565 เวลา 14.30 น. ไม่รวม IPS ที่ผลิตไฟฟ้าใช้เอง
3. ก๊าซเมียนมาถูกกว่า LNG นำเข้ามากๆ เพราะสงครามในยุโรป
4. กำลังไฟฟ้า 6,500 MW เทียบกับ 33,177 MW ในทาง Power System Reliability ถือว่าสูงมาก มากกว่า Spinning Reserve มากกว่า Fast Frequency Response Resource ทั้งหมดรวมกันแน่นอน
5. เคยเกิดเหตุก๊าซจากเมียนมาหายเฉียบพลัน 1 ครั้งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2552 ระบบไฟฟ้าไทยเกือบไปไม่รอด แต่กฟผ.ก็เก่งมากสามารถรักษาระบบเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อสุดๆ โดยแลกมากับน้ำท่วมท้ายเขื่อนบางส่วน แต่ถ้าเกิดขึ้นอีก ผมคิดว่าไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าจะเอาอยู่ แต่ลึกๆ ผมก็เชื่อว่า กฟผ.อาจจะเอาอยู่ เรามีคนที่เก่งมาก และระบบที่ทันสมัยมากกว่าเดิมอยู่ที่ตรงนั้น
6. เรายังต้องพึ่งพาก๊าซจากเมียนมาอีกเป็น 10-20 ปี ต่างจากยุโรปที่คงพึ่งรัสเซียอีกแค่ไม่เกิน 2-3 ปี
ถ้าเมียนมาตัดก๊าซทันที : จะเกิดอะไรขึ้น
1. ไม่ต่างกับยุโรปโดนรัสเซียตัดการส่งก๊าซทันที
2. ค่าไฟฟ้าน่าจะแพงขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 1 บาททันที
3. จากข้อ 2 เศรษฐกิจจะมีปัญหาแน่นอน และม็อบก็จะมากมาย
4. โรงไฟฟ้าจะหายไป 6,500 MW โดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว กว่าสถานีก๊าซที่ไทรโยคจะรู้จากค่ามิเตอร์และแจ้งเหตุ โรงไฟฟ้าภาคตะวันตกก็น่าจะร่วงกันหมดแล้ว ผมไม่รู้ Timing ตรงนี้ในรายละเอียด ต้องถาม ปตท.
5. ถ้าจังหวะใช่ เวลาใช่ มีโอกาสเกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย จากข้อ 4
6. นับจากเกิดเหตุการณ์ในข้อ 4 กฟผ.จะมีเวลาแค่ไม่เกิน 5 วินาที ในการรักษาระบบด้วยการเร่งเดินโรงไฟฟ้าอื่นๆ ขึ้นมาแทน ขอย้ำว่า 5 second เท่านั้น
7. เวลา 5 วินาทียาวนานเท่ากับการหายใจเข้าออก “พุทโธ” 1 ครั้ง
8. The Flash ก็อาจไม่เร็วพอที่จะช่วยเราได้
9. ถ้าเราจะยังสามารถรอดมาได้แบบครั้งก่อน ผมต้องบอกเลยว่า กฟผ.ต้องสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง ซึ่งปาฏิหารย์มักไม่ขึ้นบ่อยนัก
สิ่งที่ประเทศไทยเตรียมไว้ :
1. ฝ่ายความมั่นคง ทุกยุคทุกสมัย รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลเมียนมาทุกฝ่าย ทั้งพลเรือนและทหาร รวมทั้งชนกลุ่มน้อยต่างๆด้วย ซึ่งเป็นบทบาทที่ยากมากๆ แต่ก็ทำได้ดีเสมอมา
2. การไฟฟ้า ปตท. และกระทรวงพลังงาน มีแผน A, B, C, D เตรียมทั้งสำหรับปัจจบุันและอนาคต และเรามีแผนอนาคตที่ชัดเจนว่า เราจะยุติเรื่องนี้ได้ และผมเชื่อว่าเราจะทำได้แน่นอน
ไทย-เมียนมา เพื่อนบ้านกัน ชายแดนติดกัน 2,202 กิโลเมตร ถ้าไม่รักกันก็เห็นทีจะลำบากกันทั้ง 2 ฝ่าย พวกเราคงไม่มีใครชอบความรุนแรงที่เกิดในเมียนมาตอนนี้ และก็คงไม่มีใครที่อยากจะเห็นความรุนแรงนั้นบานปลายออกมาสู่ชายแดนหรือล้ำแดนเข้ามา
เราทุกคนมีประเทศชาติต้องดูแล มีคนไทย 70 ล้านที่ต้องดูแล มีคนเมียนมาหลายล้านคนที่อพยพมาทำงานที่เราก็ต้องดูแล สันติภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่เราจะทำสิ่งอื่นสำเร็จ และประเทศไทยคือหัวใจของสันติภาพในภูมิภาคนี้ เราต้องชัดเจน เข้มแข็ง และอดทน และความเข้มแข็งนั้นไม่ได้จำเป็นต้องแสดงออกด้วยความรุนแรงเสมอไป ความอดทน วุฒิภาวะ การแสดงออกอย่างถูกต้องในจังหวะที่ถูกต้อง ล้วนแสดงความเข้มแข็งได้ทั้งสิ้นครับ”
ด้าน “อุ๊” หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก หฤทัย ม่วงบุญศรี ระบุว่า
“ถ้าตี๋เป็นผู้นำจะเปิดศึกรึเปล่าคะ? จะทำสงครามตัวแทนให้มหาอำนาจที่ล่มสลาย?”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“ช่างนึกไม่ออกเลยจริงๆ คำไหนที่เหมาะสมที่สุดในการใช้อธิบายความต่ำตมของลัทธิสามนิ้ว ที่มีเนื้อแท้เป็นทาสทางความคิดของมหาอำนาจตะวันตก กล้าทรยศต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยอย่างไร้จิตสำนึก
นอกจากลัทธิสามนิ้วจะคอยบ่อนทำลายความมั่นคงภายในชาติของตัวเองมาโดยตลอด เดี๋ยวนี้เครือข่ายลัทธิสามนิ้วยังชั่วช้าสามานย์ ถึงขนาดปั่นกระแสบิดเบือนผ่านทางโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ เพียงเพื่อยั่วยุให้ไทยเปิดศึกรบกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนับว่าเป็นการชักศึกเข้าบ้านที่โฉดเขลาเบาปัญญาอย่างที่สุด มีแต่จะตกเป็นเบี้ยล่างของมหาอำนาจตะวันตก ในสงครามตัวแทนกับมหาอำนาจตะวันออก ก็เท่านั้นเอง”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ความรับผิดชอบของผู้นำประเทศและรัฐบาล ความเป็นเหตุเป็นผล และความรับผิดชอบต่อผลประโยชน์ของคนไทย และของประเทศ คือสิ่งที่ฝ่าย “โจมตี” กรณีมีท่าทีที่ไม่แข็งกร้าวเพียงพอของฝ่ายไทย หลังเครื่องบินรบพม่าล้ำแดน
ทั้งนี้ ประเด็นไม่ใช่อื่นไกล แค่พวกขบวน 3 นิ้ว ไม่พอใจรัฐบาลทหารพม่าอยู่ก่อนแล้ว กรณีทำรัฐประหารรัฐบาลอองซานซูจี และปราบปรามประชาชนที่ลุกฮือประท้วง ซึ่งเป็นเรื่องภายใน แต่ขบวน 3 นิ้ว เลือกข้าง และสนับสนุนฝ่ายอองซาน และประชาชนพม่า ดังนั้นจึงต้องการยืมมือรัฐบาลช่วยแก้แค้น
แต่พอรัฐบาลประยุทธ์ มีท่าทีประนีประนอม พวก 3 นิ้ว จึงโกรธ และโจมตีมาก่อนแล้วว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ข้างเดียวกันกับรัฐบาลทหารพม่า
ด้วยเหตุนี้ โพสต์ของ ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง จึงน่าสนใจ และน่าคิดอย่างมาก เพราะหากรัฐบาลประยุทธ์ เต้นตามอารมณ์ของ “3 นิ้ว” และทำให้พม่าไม่พอใจ จุดตายที่เขาก็คงเตรียมเอาไว้แล้ว อย่างกรณีตัด “ก๊าซธรรมชาติ” ซึ่งจะทำให้ “ไฟฟ้า” ในประเทศไทย ที่บางส่วนใช้ก๊าซธรรมชาติจากพม่า ดับทันที และมีเวลาแก้ไขเพียง 5 วินาที เห็นหรือยังว่าใครเดือดร้อน ใครมีอำนาจต่อรองเหนือกว่า
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ระหว่างความมีวุฒิภาวะ กับความอ่อนด้อยสติปัญญาที่จะคิดได้ และเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล