วันนี้(2 ก.ค.)เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อกรณีที่พลอากาศเอก นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ยืนยันว่า ท่าทีของกองทัพไทยถูกต้องแล้วที่ปล่อยให้เครื่องบินรบของกองทัพรัฐบาลเมียนมาร์บินรุกล้ำน่านฟ้าไทยได้ เพราะการป้องกันที่ดีไม่ได้วัดกันที่ความเร็วแต่วัดกันที่ความสุขุมรอบคอบ โดยเปรียบเทียบเหมือนเพื่อนบ้านเดินลัดสนามหญ้าว่าจะไปยิงเขาเลยก็ไม่ได้ว่า ไม่น่าเชื่อว่า ผู้นำกองทัพอากาศไทย สถาบันที่เคยสอนตนว่า 'น่านฟ้าไทย จะมิให้ใครย่ำยี' จะมีตรรกะในการดูแลอธิปไตยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนได้เพียงเท่านี้
เรืออากาศโทธนเดช กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการบินตีวงรุกล้ำเข้ามาถึง 3 รอบ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 นาที และมีปฏิบัติการทางทหารจากน่านฟ้าไทยต่อฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทหารเมียนมาร์ และมีรายงานว่าได้มีการยิงเข้าใส่รถของพลเรือนไทย เด็กๆที่กำลังเรียน ประชาชนบริเวณนั้นต้องอพยพไปยังสถานที่หลบภัย การปล่อยให้ประชาชนอยู่ในความหวาดกลัวเช่นนี้คือความรับผิดชอบโดยตรงของกองทัพไทยทุกหมู่เหล่า แต่การบอกว่ารู้ความเคลื่อนไหวดี มีระบบการป้องกันทางอากาศดีมาก ถ้าสิ่งที่ทำอยู่นี้เรียกว่าดีก็ขอให้เผาตำราการเรียนการสอนเดิมของกองทัพอากาศไทยไปดีกว่า
"การรุกล้ำน่านฟ้าและอธิปไตยโดยเครื่องบินรบถือเป็นเรื่องใหญ่ กองทัพทั่วโลกคงไม่มีใครบอกว่าแค่เพื่อนพลาดแล้วจบไป ท่าทีแบบนี้อ่อนหัดมากและไม่สมควรเป็นท่าทีที่ออกมาจากกองทัพอากาศหรือกระทั่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นอดีตทหารที่บอกว่าเป็นเรื่องเล็กและเขาขอโทษแล้ว ในสิ่งที่ผมเรียนจากกองทัพและยึดถือปฏิบัติ เราจะมีเขตการบินที่ไม่ยอมให้มีเครื่องบินรบขึ้นบินหรือปฏิบัติการได้ ถ้ามีต้องมีท่าทีตอบโต้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมเพื่อป้องปราม นี่คือแสนยานุภาพและความเกรงใจที่ท่านเคยอ้าง ตอนนี้ไม่รู้ไปไหนหมด ความขัดแย้งภายในเป็นเรื่องของท่าน แต่ถ้ามีแนวโน้มที่อาจเป็นอันตรายและส่งผลกระทบต่อพลเรือนไทย รัฐบาลไทยจะต้องมีท่าทีที่ชัดเจนไม่ยินยอมให้มีการบินทางทหารเกิดขึ้นบริเวณใกล้ชายแดนของเรา"
เรืออากาศโทธนเดช ยังกล่าวอีกว่า เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องใช้การเมืองและการทหารคู่กัน ไม่ใช่แค่แสดงแสนยานุภาพด้วยการขอซื้ออาวุธไปวันๆแล้วไม่สามารถเจรจาทางการเมืองได้ เพื่อปกป้องพลเรือนไทย จะต้องกำหนดเขตห้ามบินที่ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติด้วยความเคารพกัน เพราะถ้ายอมให้มีปฏิบัติการทางอากาศเกิดขึ้นย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะล่วงล้ำอธิปไตยกันได้ตลอดเวลา เพื่อนในฐานะมิตรประเทศต้องรู้จักเกรงใจ ไม่เอาความขัดแย้งภายในมาสร้างความไม่สบายใจให้มิตรประเทศ
"อย่าเอาคำว่ารักษามิตรภาพเป็นข้ออ้างในการเปิดทางให้มีการปฏิบัติทางอากาศตามแนวชายแดน สิ่งที่รัฐบาลไทยควรทำต้องยืนยันถึงความไม่สบายใจต่อปฏิบัติการทหารตามแนวชายแดนติดกับประเทศไทย และไม่ยินยอมให้มีปฏิบัติการทางอากาศโดยเด็ดขาด ท่าทีของไทยต้องแข็งกร้าวในฐานะที่เราคือผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และการมีผู้อพยพหนีภัยสงคราม ซึ่งมีทั้งเด็ก คนแก่ คนป่วยคนกลุ่มนี้ต่างหากที่รัฐบาลไทยควรดูแลด้วยมิตรภาพและมนุษยธรรมเพื่อให้เราสามารถตอบคำถามต่อชาวโลกได้ ไม่ใช่รักษาแต่มิตรรักนักรัฐประหารด้วยกันดังที่ถูกครหาไปทั่วโลกตอนนี้"