“โรม” จี้ รบ. ยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หลังโควิดบรรเทา หรือคงไว้หวังสกัดม็อบเห็นต่าง ด้าน “บิ๊กตู่” ส่ง “บิ๊กช้าง” แจง แม้สถานการณ์คลี่คลาย แต่โรคยังระบาด จำต้องคงประกาศเพื่อคุมโรค สกัดแพร่ระบาดวงกว้าง ยกเลิกหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ศบค. ย้ำไม่ได้บังคับใช้คุม “ม็อบ” ปฏิบัติกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถึงเรื่องการยังคงประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดย พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงแทน
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อยากขอข้อมูลว่า ตั้งแต่มีการชุมนุมทางการเมืองมีครั้งไหนเป็นสาเหตุการระบาดของโควิด-19 บ้าง และเมื่อโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ทำไมไม่ใช่ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 แต่ยังคงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หาก พ.ร.บ.โรคติดต่อ ไม่เพียงพอทำไมไม่แก้ไขให้เท่าทันรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ และเมื่อไหร่จะยุติใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อใช้กฎหมายปกติเสียที หรือต้องการจะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตราบชั่วฟ้าดินสลายกับกลุ่มเห็นต่าง กดทับการแสดงออกของประชาชน อีกทั้งทำไมกลุ่มอื่น โดยเฉพาะกลุ่มคนบางสีที่ตรงกับวันจันทร์ ออกมาชุมนุมเหมือนกัน จึงไม่ถูกดำเนินคดีด้วยพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ ประชาชนหลายคนอยากเห็นการเปลี่ยนรัฐบาล และส่งเสียงความเจ็บปวดไปให้ได้ยินด้วยการชุมนุมทางการเมืองตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จะชุมนุมอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี และทำไมถึงสลายการชุมนุมบริเวณดินแดง รัฐบาลใจแคบนี่คือพฤติกรรมทรราช ตนภาวนาอวยพรให้ท่านมีอายุยืนเพียงพอที่จะเห็นว่าประชาชนตราหน้าท่านไว้อย่างไร พวกเขาจะบอกลูกหลานว่าโตไปอย่าเป็นแบบ พล.อ.ประยุทธ์ พวกเขาจะเรียนรู้ว่าผู้นำแบบท่านสร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างไร ขอให้พวกท่านมีอายุยืนที่จะเห็นปรากฏการณ์นี้
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ กล่าวชี้แจงว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นโรคอุบัติใหม่ ไม่ให้โรคระบาดแพร่กระจายสร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง และเพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกส่วนให้มีความรวดเร็ว โดยเฉพาะหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานด้านอื่นๆ โดยมีการตั้ง ศบค. ที่มีผู้แทนส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญในการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหา เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้เกิดเป็นวงกว้าง รวมถึงแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายหลายส่วน แต่ปัจจัยในการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีอยู่ และมีหลายสายพันธุ์ ทางฝ่ายแพทย์ได้จับตาติดตามสายพันธุ์ล่าสุดว่ามีความรุนแรงของโรคหรือไม่อย่างไร กระทรวงสาธารณสุขเองยังมีความกังวลว่าจะมีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน หรือคลัสเตอร์อีก ทำให้สถานการณ์ควบคุมยาก จึงต้องบูรณาการทุกส่วนงาน เพื่อพัฒนาควบคู่กันไป เหตุผลที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินถึงสิ้นเดือนหน้าเป็นข้อเสนอของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไรให้หน่วยงานต่างๆ มีความพร้อมในการควบคุม ไม่ได้มุ่งหมายควบคุมการแสดงออกทางการเมือง แต่เป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเตรียมพร้อมเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป
ทั้งนี้ จากการชุมนุมที่ผ่านมา ก็มีข้อมูลปรากฏในสื่อต่างๆ ว่า เมื่อมีการชุมนุมหรือรวมกลุ่มแล้ว ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก สำหรับเรื่อง พ.ร.บ.โรคติดต่อ นั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขกำลังพิจาณาเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวให้เท่าทันต่อสถานการณ์อยู่ โดยเฉพาะเรื่องโรคอุบัติใหม่ ส่วนการประกาศยกเลิกใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน อยู่ระหว่างการพิจารณาของศบค. ที่คำนึงเรื่องสถานการณ์ด้านสาธารณสุขและการแพทย์เป็นหลัก เพื่อบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาก็มีการตั้งจุดตรวจคัดกรองโรคให้กับผู้ชุมนุมด้วย
“ยืนยันรัฐบาลดำเนินการเท่าเทียมกันทุกกลุ่มที่แสดงออกทางการเมืองที่อยู่ในขอบเขตกฎหมาย แต่หากมีการดำเนินการนอกขอบเขตกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องดำเนินการบังคับใช้ตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ ตั้งแต่วันที่มีการประกาศใช้ข้อกำหนดออกความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 46) เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการใช้ดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมในเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เป็นการดำเนินการในฐานความผิดด้านอื่นๆ มากกว่า ยืนยันว่า ไม่มีการสลายการชุมนุม แต่เป็นการควบคุมการชุมนุม เพราะบางพื้นที่มีการใช้พลุ จุดไฟเผา ใช้ระเบิดปิงปอง เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องควบคุม การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทำตามกฎมายและอำนาจหน้าที่กับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว
