xs
xsm
sm
md
lg

“นฤมล”แนะทางแก้เงินเฟ้อ-ศก.ชะลอตัว มุ่งดูแลภาคการผลิตไม่ให้หยุดชะงัก หยุดกู้มาแจก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นฤมล” ชี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว-เงินเฟ้อพุ่ง จากสาเหตุช่วงโควิดหลายประเทศเน้นอัดฉีดเงินเพิ่มกำลังซื้อ ขณะที่ภาคการผลิตมีปัญหาจากการล็อกดาวน์ แถมมีสงครามรัสเซีย-ยูเครนซ้ำเติม ชี้การกู้เงินมาแจกไม่เหมาะกับสถานการณ์ขณะนี้ ควรมุ่งดูแลอุตสาหกรรมให้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน การสินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงานต้องไม่หยุดชะงัก

วันนี้(20 มิ.ย.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรายละเอียดว่า #บริหารความเสี่ยงคือหัวใจ สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อพุ่ง ที่เรียกกันว่า stagflation ซึ่ง “อาจจะ” เกิดรอบนี้ มีสาเหตุต่างจากที่เคยเกิดขึ้นช่วง 40 กว่าปีก่อน และต้องรับมือด้วยวิธีการต่างกัน

เมื่อ 40 กว่าปีก่อน ทั่วโลกเกิดสภาพ stagflation ธนาคารกลางต่างแก้ไขโดยเลือกวิธีขึ้นดอกเบี้ยสูงมากเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่ส่งผลให้ธุรกิจเสียหายมาก จนนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตการเงิน

แต่รอบนี้ สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวพร้อมกับเงินเฟ้อที่เกิดต่อเนื่องจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 เกิดจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ (1) แพ็กเกจอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศที่ไปเน้นการเพิ่มดีมานด์หรือความต้องการซื้อในตลาด แต่อาจทำอย่างไม่เหมาะสม (2) ในขณะที่ฟากฝั่งซัพพลายเผชิญข้อจำกัดในการผลิต ขาดวัตถุดิบในห่วงโซ่อุปทาน และขาดแรงงานจากผลของการล็อกดาวน์ช่วงโควิด (3) แล้วเคราะห์ซ้ำมาเกิดสงครามรัสเซียกับยูเครนอีก

การมาพบกันโดยมิได้นัดหมายของทั้งสามเหตุ จึงไปดันราคาต้นทุนให้สูงขึ้น การใช้นโยบายทางการเงินด้วยการขึ้นดอกเบี้ยอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ปัญหาที่สาเหตตุ การบริหารความเสี่ยงด้วยความเข้าใจเป็นหัวใจสำคัญ
คำถามว่าเกิด stagflation รึยัง ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ ถ้าเกิดสภาพ stagflation ครั้งนี้ มีนโยบายรับมือหรือไม่ และต่างไปจากที่เคยเกิดขึ้นอย่างไร

มองในภาพใหญ่ การบริหารนโยบายการคลังและนโยบายเศรษฐกิจที่ควรเข้าใจ คือ การอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นดีมานด์ไม่ต้องทำมากเหมือนสองปีที่ผ่านมาแล้ว ค่อย ๆ ให้ดีมานด์กลับเข้าใกล้ภาวะปกติมีผลดีมากกว่า ดังนั้น การกู้เงินมาแจกในโครงการกระตุ้นกำลังซื้อจึงไม่เหมาะสมในช่วงนี้

นอกจากนั้น ต้องหันมาให้ความสำคัญกับฝั่งซัพพลาย ดูแลอุตสาหกรรมการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงาน และต้องให้มั่นใจได้ว่าฝั่งซัพพลายจะไม่หยุดชะงักติดคอขวด ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น