xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.งบฯ 66 ถกของบฯหน่วยสังกัดคลัง จี้ปราบน้ำมันเถื่อนใต้ “เสี่ยโจ้” รอแฉ “เฮีย ซ.” ชักใยวิ่งเต้น ขรก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษก กมธ.งบฯ 66 ถกงบฯหน่วยในสังกัด ก.คลัง แนะเข้มปราบน้ำมันเถื่อน เกลื่อนภาคใต้ กันราคาพุ่ง “ยุทธพงศ์” ลั่นรอแฉแหลก “เฮีย ซ.” ชักใยวิ่งเต้น ขรก.ซี 9 “กรมฯน้ำ” กระทรวงทรัพย์ เงินสูงถึง 8 หลัก

วันนี้ (10 มิ.ย.) นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงผลการประชุม กมธ. ครั้งที่ 4/2565

โดย นพ.บัญญัติ กล่าวว่า ในการพิจารณาเมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) กมธ. ได้ใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณมาแล้วทั้งหมด 20 ชั่วโมง ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาไปแล้ว รวม 1 กระทรวง 10 หน่วยงาน 1 กองทุน โดยเมื่อวานนี้ได้พิจารณาหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังเพิ่มเติมอีก 6 หน่วยงาน 1 แผนงาน โดยในส่วนกรมสรรพสามิต ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับปัญหาราคาน้ำมันแพง เนื่องจากปัญหาสงครามรสเซีย-ยูเครน ปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งค่าเงินบาทอ่อนตัว มี กมธ.บางคนสอบถามว่า หน่วยงานมีแนวทางในการจัดการกับผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนอย่างไร โดยเฉพาะในภาคใต้ เพราะส่งผลทำให้น้ำมันมีราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ ประมาณการณ์การจัดเก็บภาษีและรายได้ทั้งหมดของกรมสรรพสามิตในปี 2566 มีจำนวน 567,000 ล้านบาท โดยภาษีน้ำมันเป็นภาษีที่หน่วยงานจัดเก็บภาษีได้มากที่สุด แต่เมื่อมีผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนทำให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมาก

ทั้งนี้ ผู้แทนจากกรมสรรพสามิต ชี้แจงว่า มีการบูรณาการร่วมกันของ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมธุรกิจพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และกรรพสามิต เพื่อปราบปรามผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณ 138 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่ให้ใช้ทั้ง 5 หน่วยงาน ทำให้กรรมสามิตได้รับงบประมาณเพียง 7,550,000 บาทเท่านั้น แม้ว่าหน่วยงานจะเป็นผู้ตั้งคำของบประมาณในส่วนนี้เองก็ตาม

นพ.บัญญัติ กล่าวด้วยว่า มีประชาชนบอกมาว่า โครงการคนละครึ่งทำให้ร้านขายดีแต่พอยอดขายได้วันละ 5,000 บาท 1 ปี ได้ 1,800,000 บาท ซึ่งกรมสรรพากรกลับให้ไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทันที แต่เมื่อโครงการสิ้นสุด ก็ทำให้ยอดขายตก แต่เมื่อจดทะเบียนแล้ว และไม่มีรายได้เข้ามา ก็ยังคงเก็บภาษี ไหนบอกว่าโครงการคนละครึ่งไม่เกี่ยวกับการรีดภาษีประชาชน ดังนั้นกรมสรรพากรต้องทำความเข้าใจประชาชน หรือผู้ที่จะสมัครเข้าโครงการคนละครึ่ง ว่า ให้ระวังไว้ ถ้ารายได้เข้าระบบเกิน ต้องเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ถ้าไม่สมัครใจ ก็อย่าเข้าร่วมโครงการ กรมสรรพากรต้องบอกความจริง อย่าให้เขาเป็นเหยื่อของระบบตาข่ายภาษี เพราะคือภาระของประชาชน และกรมสรรพากร อย่าคิดเอาแต่จัดเก็บรายได้เข้าประเทศ ต้องคิดถึงเศรษฐกิจภาคครัวเรือน

ด้าน นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ในการพิจารณางบฯ 66 วานนี้ (9 มิ.ย.) ตนได้ซักถามกรมศุลกากร สังกัดกระทรวงการคลัง เพราะมีเรื่องผิดปกติในเอกสารรายการงบประมาณ คือ ค่าบำรุงรักษากล้อง CCTV ระยะเวลา 5 ปี จำนวน 670 ล้านบาท ที่ติดตั้งตามด่านศุลกากรทั่วประเทศ และค่าบำรุงเครื่องเอกซเรย์เพื่อคุมสินค้าเลี่ยงภาษี กว่า 2,000 เครื่อง โดยในเอกสารมีการตั้งงบฯล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เท่ากันในแต่ละปีกว่าร้อยล้านบาท ตนถามว่า รู้ได้ไงว่าในอนาคตกล้อง CCTV และเครื่องเอกซเรย์ จะต้องเสียหายในจำนวนเงินที่เท่ากัน มันมีที่ไหน คาดว่า จะมีบริษัทเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่มีอิทธิพลในกรมศุลกากร ดำเนินการในเรื่องนี้ทั้งสิ้น ซึ่งทางอธิบดีกรมศุลกากร ได้ยืนยันว่า จะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่กรณีน้ำมันเถื่อนที่มีการระบาดทางภาคใต้ติดชายแดนมาเลเซีย มีการค้าน้ำมันเถื่อนกันอย่างโจ๋งครึ่มบริเวณอ่าวไทย ทาง กมธ.จึงได้ขอดูสถิติการปราบปรามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีความคืบหน้าอย่างไร และต้องส่งมาให้ภายในกำหนดการพิจารณางบฯกระทรวงการคลัง และหน่วยงานในสังกัด ที่จะพิจารณาจบในวันนี้ (10 มิ.ย.) เวลา16.00 น.

“และในวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย.นี้ เวลา 13.00 น. จะเป็นการพิจารณางบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผมจะซักถามเรื่องการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการระดับ 9 ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรฯ ที่มี เฮีย ซ. มีชื่อคล้องกับเจ้าของร้านอาหารจีนชื่อดังย่านคลองสาน มีการวิ่งเต้นเรียกค่าตำแหน่งเป็นจำนวนถึง 8 หลัก ผมจะแฉให้หมดในวันดังกล่าว สื่อรอติดตามให้ดี” นายยุทธพงศ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น