พูดอะไรเข้าตัวหมด? “เพจดัง” แสบ! รื้อฟื้นดูดคนเข้าพรรคสมัย “ทักษิณ” ย้อนเกล็ดที่พูด “ขโมยของคนอื่นไม่ควรเป็นผู้นำ” “ทิพานัน” ยกคดีทุจริต ขโมย “ประเทศ-ประชาชน” พท.อวยหวยบนดินให้รัฐบาลลอก วอนติดคุก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(8 มิ.ย.65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความ พร้อมภาพ ระบุว่า
“สมัยพี่ พี่ไม่ดูดส.ส.แค่คนสองคนหรอก
พี่ซื้อทั้งพรรค”
ขณะเดียวกัน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาชื่นชมนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ลงพื้นที่ไลฟ์สดมีภาวะผู้นำ โปร่งใสเทียบตนเองตอนเป็นนายกฯว่า
อ่านข่าวแล้วได้แต่สงสัยว่า ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีชื่นชมนายชัชชาติอย่างจริงใจ หรือมีเจตนาอื่นใด หรือเคลมว่าตนเองเป็นต้นแบบหรือโมเดลของนายชัชชาติกันแน่
จึงได้พูดในตอนหนึ่งว่า สมัยที่ตนเองเป็นนายกฯทำเวิร์กช็อปทำงานแล้วถ่ายทอดสดช่อง 11 ตลอดเวลา ซึ่งหากพี่น้องประชาชนจำกันได้ ก็คือแม้แต่ในช่วงที่นายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ แต่มีสถานะเป็นนักโทษหลบหนีคดีแล้ว ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังมีการอนุญาตให้ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ถ่ายทอดสดนายทักษิณ เป็นประธานพิธีการแข่งขันมวยไทยมาจากฮ่องกง ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยกับนายทักษิณ ที่ออกมาระบุว่า “ถ้าคิดอยากจะเป็นผู้นำแล้วเอาแต่คิดจะขโมยคนของคนอื่น เป็นผู้นำไม่ได้” เป็นความเห็นที่ถูกต้องที่สุด
เพราะผู้ที่ขโมยของคนอื่น ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศจริงๆ ดังตัวอย่างที่นายทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตคอร์รัปชัน ที่เปรียบเหมือนเป็นขโมย ลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งนายจ้าง ก็คือประชาชนที่จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนให้นักการเมืองมาทำงานเพื่อประชาชน แต่กลับถูกกระทำการทุจริตเบียดบังเข้าพกเข้าห่อ และไม่ยอมรับผิดชอบเข้าสู่กระบวนยุติธรรมแต่กลับหลบหนีออกนอกประเทศ
เช่น กรณีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ Exim Bank อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลเมียนมาเมื่อปี 2546 ซึ่งเป็นเหตุให้นายทักษิณถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์สำหรับตนเองและผู้อื่น เนื่องจากภายหลังรัฐบาลเมียนมาได้ซื้อขายสินค้ากับบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 400 ล้านบาท เป็นคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุก 3 ปี
ส่วนที่นายทักษิณ แสดงความเห็นให้มีการแก้ไขกติกาที่เป็นอุปสรรคติดขัดต่อการพัฒนาประเทศนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เป็นสิ่งที่นายทักษิณถนัดและคุ้นเคย ในการแก้ไขกติกา เหมือนกับกรณีที่สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีแก้ไขกฎหมายลดภาษีค่ายโทรศัพท์มือถือจาก 50% มาอยู่ที่ 10% และยังให้หักเงินที่ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต ไม่ต้องนำมาคิดเป็นรายได้หรือคิดเป็นค่าสัมปทาน ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เห็นว่าปัญหาของเรื่องนี้ คือ การที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ซึ่งเป็นบริษัทในเครือชินคอร์ป เป็นคู่สัญญากับภาครัฐอยู่ และนายทักษิณ ก็ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวผ่านตัวแทนหรือนอมินี การแก้กฎหมายภาษีสรรพสามิต 2 ครั้งดังกล่าว จึงเป็นการให้ประโยชน์นายทักษิณและบริษัทโดยใช้อำนาจการเป็นนายกรัฐมนตรี จนทำให้รัฐสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ถึง 66,000 ล้านบาทซึ่งศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 5 ปี
“นายทักษิณ ชอบพูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น จนลืมมองตนเองว่า รายได้ที่รัฐสูญเสียไปจากการแก้ไขกติกาของนายทักษิณ 66,000 ล้านบาทนี้ คือเงินที่นายทักษิณ ขโมยไปจากประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นตรรกะที่ว่า คิดอยากจะเป็นผู้นำแล้วเอาแต่คิดจะขโมยของคนอื่น เป็นผู้นำไม่ได้จึงเป็นความจริงดังตัวอย่างที่เห็นได้จากคดีของนายทักษิณเอง เป็นความเห็นที่สุดยอด” น.ส.ทิพานัน กล่าว
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน กรณีนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาที่กำหนด เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการออกสลาก 3 หลักคล้ายหวยใต้ดิน 2 ตัว และ 3 ตัว
ขณะที่นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย กรรมการบริหารพรรคและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอว่า “รัฐบาลควรดูตัวอย่างของหวยบนดินในสมัยพรรคไทยรักไทย ที่สามารถทำรายได้และไม่ไปกระทบตลาดเดิมและผู้ค้าสลากเดิมที่ทำมาหากินอยู่แล้ว ซึ่งถ้าพลเอกประยุทธ์ คิดอะไรไม่เป็นจะลอกการบ้านก็ได้ ไม่หวงลิขสิทธิ์ใดๆ”
อย่างไรก็ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีความเห็นที่น่าสนใจจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงแนวคิดดังกล่าวจะผิดกฎหมายเหมือนในอดีต(รัฐบาลพรรคไทยรักไทย) หรือไม่ว่า
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระบุว่า ภายใต้พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะมาตรา 5 ที่ระบุว่า อำนาจและวัตถุประสงค์ของสำนักงานกองสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ระบุว่า
1.กองสลากมีอำนาจออกสลากกินแบ่งรัฐบาล 2.มีอำนาจในการพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาลและ 3.มีอำนาจดำเนินการตามข้อ 1 และ ข้อ 2 ซึ่งตอนนั้นนึกว่าการดำเนินการออกหวย 2 ตัวและ 3 ตัว จะเข้า 3 ข้อ แต่พอศาลบอกไม่ใช่เพราะข้อ 1 คือสลากกินแบ่งแต่ที่ทำคือสลากกินรวบจึงทำไม่ได้
“ถ้าจะทำให้ได้ก็ต้องแก้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยคิดแก้ แต่คดียังอยู่ในศาล หากแก้ขณะนั้นตอบสังคมไม่ได้ ต้องรอให้คดีจบก่อน และตอนนี้คดีจบแล้ว ซึ่งตนเองก็ถูกฟ้องและเขายกฟ้องไปแล้ว ดังนั้นหากจะทำก็ต้องแก้กฎหมาย”
ทั้งนี้คดีที่นายวิษณุ ระบุถึงนั้นคือ คดีโครงการสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว หรือหวยบนดิน ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร คดีหมายเลขดํา อม.1/2551 ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย 47 คนตามลำดับประกอบด้วย
นายทักษิณ ชินวัตร , พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ,นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ , นายจาตุรนต์ ฉายแสง , นายกร ทัพพะรังสี ,ศาสตราจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ,นายวิษณุ เครืองาม ,พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ,ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ
นายวราเทพ รัตนากร ,นายสนธยา คุณปลื้ม ,นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ,นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ,นายเนวิน ชิดชอบ ,นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ , นายพิเชษฐ สถิรชวาล , นายนิกร จำนง ,นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ,นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ,นายอดิศัย โพธารามิก ,นายวัฒนา เมืองสุข ,นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ,นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ,นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ,นางอุไรวรรณ เทียนทอง ,นายพินิจ จารุสมบัติ
นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ,พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก ,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ,นายสมใจนึก เองตระกูล , นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล , นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช , นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ , นางสาวสุธีพร ดวงโต นางอรอนงค์ มณีกาญจน์
นายพรชัย นุชสุวรรณ ,นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ,นางสตรี ประทีปะเสน นายบัณฑูร สุภัควณิช , นายณัฐวัช อินทุภูติ , นายชัยวัฒน์ พสกภักดี ,พลตำรวจตรี สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ,นายกำธร ตติยกวี ,พลตำรวจเอก สมบัติ อมรวิวัฒน์ นายอำนวยศักดิ์ ทูลศิริ ,พลตำรวจโท อิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
คดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2562 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 14 ม.ค.2563
โดยคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี และให้ออกหมายจับจำเลยมาปฏิบัติตามคำพิพากษา... (จากไทยโพสต์)
แน่นอน, เห็นชัดว่า สิ่งที่ “พี่โทนี่” ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ในวันนี้ คือ สิ่งที่ “ทักษิณ” ทำมาแล้วทั้งสิ้นในอดีต
แล้วก็ดูเหมือน คนที่อยู่กับ “ทักษิณ” ไม่กล้าที่จะห้าม “เจ้านาย” พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำเองมาแล้ว และคนไทยก็รับรู้กันหมดแล้ว
ดังนั้น ไม่ว่า “ทักษิณ” จะเอาเรื่องอะไรมาพูด ก็มักจะเข้าตัวเองแทบทุกครั้ง ถ้าขืนคนใกล้ชิด “รักนายใหญ่” แบบนี้ ยิ่งพูด ก็อาจยิ่งเผยตัวตนธาตุแท้ออกมา จนหาความเชื่อถือไม่ได้อีกต่อไป ก็ไม่แน่เหมือนกัน!?