เมืองไทย 360 องศา
ยังคงติดตามการทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กันอย่างใกล้ชิดต่อไป สำหรับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่เพิ่งเข้าทำหน้าที่ได้ไม่กี่วัน แต่เอาเป็นว่ายังคงเป็นที่รัก เป็นที่ชื่นชมของคนทั่วไป ยังไม่มีคนเกลียด หรือวิจารณ์แรงก็แล้วกัน ไปที่ไหนก็มีแต่ชาวบ้านเข้ามาหา มาพูดคุย มาสะท้อนปัญหาให้ฟังสารพัด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และจะส่งผลต่อการทำงานในเมืองใหญ่ ที่มีปัญหารอบตัวมากมาย การได้รับความร่วมมือแบบที่เห็น มันก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น
แน่นอนว่า การเดินสายแบบนี้หลายคนอาจจะมองว่า นี่คือ การ “สร้างภาพ” แต่ถึงอย่างไรการสร้างภาพแบบนี้ มันก็ส่งผลในทางบวกไม่ใช่หรือ อย่างน้อยก็สร้างความตื่นตัว ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งชาวบ้าน ทุกหน่วยงานทั้งราชการและภาคเอกชน
ภาพที่ นายชัชชาติ ลงพื้นที่ทันทีแบบไม่มีพัก หลังจากทราบผลการเลือกตั้ง เป็นการเริ่มต้นตั้งแต่ตี 4 ต่อเนื่องไปจนถึงดึกดื่น ภาพการตรวจเยี่ยมสำนักการระบายน้ำของกรุงเทพมหานครตอนวันฝนตก เมื่อราวสี่ทุ่ม มันก็สะท้อนภาพออกมาหลายอย่างทั้งเห็นภาพความเอาจริงเอาจังของผู้ว่าฯ ที่ขยันทุ่มเทเหมือนกับการร่วมทุกข์ร่วมสุข ทั้งกับข้าราชการ ลูกจ้าง และประชาชน
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อวันก่อนที่ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่ และเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือตามมา ก็คือ ช่วงที่ลงพื้นที่ตรวจดูปัญหาการนำสายไฟลงดินแถวถนนพระราม 4 ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนให้กับประชาชน มีการขุดถนน สร้างปัญหามากมาย ทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และคนใช้รถใช้ถนนบริเวณนั้น แต่สิ่งที่เป็นนิมิตหมายที่ดี ก็คือ ในวันนั้นได้เห็นผู้ว่า การการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มาพูดคุยแจ้งปัญหาและแก้ปัญหา มีการประสานงานกับ นายชัชชาติ โดยตรง ทั้งคู่มีท่าทีที่รับรู้ปัญหา และตั้งใจแก้ปัญหาร่วมกัน ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงให้เห็นทันที
อย่างไรก็ดี ก็ต้องมองกันยาวๆ ว่า เขาจะสามารถรักษาความไว้วางใจ ความร่วมมือจากทุกฝ่ายแบบนี้ได้ตลอดไปหรือไม่ รวมไปถึงการสร้างผลงานใหม่ๆ ออกมาให้เห็นในแบบที่จับต้องได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ประโยชน์แค่ไหน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขณะเดียวกัน ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป เพราะเมื่อเริ่มต้นด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่ายแบบนี้มันก็เหมือนกับสำเร็จไปแล้วเกินครึ่ง
แต่สิ่งที่อยากจะโฟกัสเป็นพิเศษในเวลานี้ ก็คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สามารถลดความสงสัย และความหวาดระแวงจากชาวบ้านจำนวนมาก หรือจะเรียกว่า “พวกอนุรักษนิยม” อะไรก็แล้วแต่ หรือกลุ่มคนที่ “รักสถาบัน” เพราะภาพที่ออกมาตั้งแต่ “วันเฉลิมพระชนมพรรษา” สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา เราจะได้เห็น ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สวมใส่ “เสื้อสีม่วง” ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ ร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ มีกิจกรรมปลูกต้นไม้ และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติอื่นๆ อีกหลายอย่าง
หรือมีบางช่วงระหว่างที่ “ไลฟ์สด” ตอนหนึ่งที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้กล่าวระหว่างนำเยี่ยมชมในศาลาว่าการกรุงเทพฯ ที่เขาเดินผ่าน “พระพุทธนวราชบพิตร” ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า ซึ่ง นายชัชชาติ ได้ยกมือไหว้พร้อมกับแนะนำว่า นี่คือ พระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้กับทุกจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2509 ซึ่งขณะเดียวกัน ยังเป็นปีเกิดของตัวเอง ถือว่าเป็นมงคลยิ่ง หรือก่อนหน้านั้น วันที่เข้ารับตำแหน่งเขาก็เข้าสักการะพระพุทธนวราชบพิตรองค์นี้มาแล้ว ภาพเล็กๆ เหล่านี้หากไม่สังเกตก็อาจจะผ่านเลยไป แต่หากพิจารณากันอย่างลึกซึ้งก็น่าชื่นชม ที่เขาแสดงออกแบบนี้
อย่างน้อย นี่คือ ภาพประทับใจ และเป็นคำตอบให้หายสงสัยไปได้ระดับหนึ่งต่อสถาบันหลัก และเป็นการยืนยันในตัวเองสำหรับอดีตนักเรียนทุนมหิดลคนนี้
เอาเป็นว่าจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่เขาแสดงออกมาทั้งหมด อย่างน้อยก็เป็นการรักษาความสมดุลสำหรับทุกฝ่าย ขณะเดียวกัน ในการบริหารงาน ก็ได้สร้างมิติใหม่ในลักษณะ “เข้าถึง” และให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม โดยไม่พยายามสร้างความขัดแย้ง โดยมีการปรับลดท่าทีอย่างรวดเร็ว แม้ว่าในช่วงแรกตอนทราบผลการเลือกตั้งไม่กี่นาทีที่เขากล่าวในทำนองข่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในลักษณะที่ว่า “เขาได้คะแนนมากกว่านายกฯเสียอีก” รวมไปถึงคำพูดที่ว่าขอทำงานก่อน ส่วนเรื่องพบนายกฯ ไว้ทีหลัง
แต่หลังจากนั้น เขาก็ปรับท่าทีใหม่อย่างรวดเร็ว เช่น กล่าวว่า นายกฯเป็นผู้บังคับบัญชาเรียกมาเมื่อไหร่ก็ได้ รวมไปถึงภาพที่เข้าหา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ระหว่างร่วมพระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ท้องสนามหลวง มีการพูดคุยกันอย่างดี สิ่งที่เห็นถือเป็นภาพที่ดี
สิ่งที่เห็นอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ นายชัชชาติ ยังมีการเปิดกว้างร่วมมือกับทุกฝ่ายในการแก้ปัญหา เช่น ในเรื่องการให้ผู้ต้องขังมาทำการลอกท่อในกรุงเทพฯ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยเมื่อถูกถามว่า จะขอความร่วมมือหรือขอความช่วยเหลือจากกองทัพ ทหารที่มีเครื่องมือพร้อมมาช่วยเหลือด้วยหรือไม่ คำตอบจากเขา ก็คือ “เออ ต้องขอมาช่วย ดีแล้วที่ถามแบบนี้ ผมก็คิดไม่ทันลืมนึกไป” อะไรแบบนี้ เป็นลักษณะที่แสดงออกในเชิงเปิดกว้าง
แน่นอนว่า ลักษณะการบริหารแบบเปิดกว้างให้ทุกหน่วยเข้ามาร่วม มาตรวจสอบ เช่น ให้หน่วยงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน เข้ามาร่วมตรวจสอบโครงการ หากมองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการ “การันตี” ในความโปร่งใส ให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสียร่วมกันแก้ปัญหา ร่วมหาทางออก โดยที่ประโยชน์สูงสุดตกอยู่ที่ประชาชน ขณะที่ตัวผู้ว่าฯก็ไม่ต้องแบกรับภาระความกดดัน ซึ่งหากทำแบบนี้มันก็เหมือนเป็นแนวทางใหม่ในการบริหารงานในหน่วยราชการ และนักการเมืองในทุกระดับต่อไป
ดังนั้น ในช่วงที่ยังไม่มีเรื่องอื่นน่าสนใจมากไปกว่ากระแสชื่นชม กระแสฟีเวอร์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนใหม่ ขวัญใจมหาชน ลักษณะการทำงานและการวางตัว ถือว่าถูกจริตคนทุกกลุ่ม วางน้ำหนักอย่างสมดุล ทำให้หลายคน “ชื่นใจ” และสร้างความหวังใหม่ไปทั่วประเทศ ก็ได้แต่หวังว่า เขายังรักษาภาพลักษณ์พลังบวกแบบนี้เอาไว้ได้ตลอดไป !!