แฉ “ทักษิณ” ต้นคิด บำนาญ ส.ส. โซเชียลโวย ไม่เคยรู้ ถามมี ส.ส. พรรคการเมืองใดคัดค้าน? “ดร.อานนท์” แนะยกเลิก สร้างภาระมาก “พิธา” โดน อดีต ขรก. เดือด! “พุทธิพงษ์” อวย “ชัชชาติ” นักการเมืองดี ไม่มีแต่ในนิยาย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 มิ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพ พร้อมแชร์ความเห็นของ ชาติชาย ผาสุก ระบุว่า
“ยุคทักษิณ เขาเข้ามาเพื่อแจก
อะไรที่นำเงินงบประมาณ เงินอนาคตประเทศมาแจก แล้วได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น ได้กระแสสุดขีดจนฝ่ายค้านเสียงไม่พอที่จะเสนอญัตติไม่ไว้วางใจได้ ก็แจกหมดแหละ
ตั้งแต่คนจน คนไม่จน ข้าราชการ ไม่ข้าราชการ ไปจนถึง ส.ส. ด้วยวิธีการสร้างโครงข่ายที่แข็งแรงสำหรับเลือกตั้งครั้งต่อไป ต่อไป และต่อๆ ไป
ดังนั้น ทุกการแจก ต้องสำนึกบุญคุณเขานะ อ้อ อย่าลืมซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องละสามหมื่นด้วย
แจกเลยไปถึงพม่าก็มี!
(ในขณะที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงก้มหน้าก้มตาทำงานวิจัย เพื่อทดลองทฤษฎีพอเพียงอยู่เงียบๆ)
เศรษฐกิจยุคนั้นจึงดูดี มีสภาพคล่องสูง เพราะนำเงินในอนาคตมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย สบายใจ
เหมือนใช้วิธีวิ่ง 100 เมตร มาใช้ในการวิ่งหมื่นเมตร นั่นแหละ
ชาวบ้าน นักธุรกิจ ที่เห็นแก่ได้ เลยชอบแบบนั้นกัน
บำนาญ ส.ส. ก็เขานั่นแหละ ต้นคิด”
ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ข้อความ พร้อมกฎหมายเกี่ยวกับเงินบำนาญ ส.ส.
ระบุว่า “เป็นบำนาญที่สร้างภาระให้กับรัฐบาลและประชาชนมากที่สุด ทำงานแป๊บเดียวก็ได้บำนาญ ข้าราชการต้องทำ 25 ปี ถึงได้บำนาญ เอาเปรียบสังคมมากๆ ยกเลิกไปเสียเถิด”
ขณะที่ความเห็นของ ภาคภูมิ ลุงหน่อง สุนทรศร ระบุว่า
๑. พรก ว่าด้วยเงินบำนาญ สส …เพิ่งรู้ว่า สส มีเงินบำนาญกินเมื่อพ้นหน้าที่ด้วย
๒. พรก ดังกล่าว มีการพิจารณาออกใช้สมัยใด…ประชาชนแทบไม่มีใครรู้
๓. ทำไมถึงเงียบจัง ไม่มี สส หรือ พรรคการเมืองใดคัดค้าน ตอนพิจารณาร่าง พรก ฉบับนี้บ้างหรือ ?…คงเป็นเพราะสมประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (3 มิ.ย. 65) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ช้างป่วย
จบไปแล้วสำหรับการพิจารณางบประมาณปี 2566 ของสภา ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ ซีกรัฐบาลยังคงชนะโหวตในวาระรับหลักการ
แต่ที่ยังคาใจอยู่ ก็การอภิปรายของนักการเมือง ที่อภิปรายว่า เงินบำนาญที่จ่ายให้กับข้าราชการเกษียณอายุไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เหมือนช้างป่วย ฟังแล้วของขึ้น
ผมเป็นหนึ่งในข้าราชการบำนาญ ที่รับราชการจนครบเกษียณอายุ และมีสิทธิรับเงินบำนาญ ข้าราชการที่จะได้รับเงินบำนาญ ต้องรับราชการมาไม่น้อยกว่า 25 ปี ไม่ใช่เวลาวันสองวัน วันที่ผมบรรจุเข้ารับราชการครั้งแรก รุ่นผมได้เงินเดือนๆ ละ 1,250 บาท ย้ำ 1,250 บาท พวกข้าราชการอย่างผมสู้ก้มหน้าทำงาน ในขณะที่เพื่อนๆ ที่ทำงานเอกชนรับเงินเดือนมากกว่าราชการหลายเท่า ข้าราชการเสียสละรับเงินเดือนน้อยและหวังสวัสดิการรักษาพยาบาทในยามแก่เฒ่า
ข้าราชการที่บรรจุหลังปี 2544 จะไม่ได้เข้าสู่กฎหมายบำนาญ แต่ทุกคนจะเข้าสู่ระบบกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กบข.และเปิดโอกาสให้ข้าราชการที่รับราชการอยู่ในปี 2544 และยังไม่เกษียณอายุ สามารถสมัครใจเข้าสู่ กบข.ได้ และมีข้าราชการจำนวนมากสมัครใจเข้าสู่ กบข. ดังนั้น เหลือข้าราชการที่รับเงินบำนาญจำนวนไม่มากนัก มองปัญหาให้ถูกจุดด้วย
พวกเราไม่ได้อิจฉานักการเมืองที่ทำงานด้วยน้ำลาย แต่ก็มีบำนาญเหมือนข้าราชการ กรรมาธิการงบประมาณลองเสนอเลิกบำนาญ ส.ส.ในขั้นกรรมาธิการให้ที เผื่อจะประหยัดงบประมาณอย่างที่ ส.ส.เสนอ
ขอบ่นๆ ไปยังเพื่อนข้าราชการบำนาญทุกท่าน ให้รู้ว่านักการเมืองมองพวกเรายังไง”
ทั้งนี้ โพสต์ของ นายนันทิวัฒน์ สืบเนื่องจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ทำนองว่า งบประมาณบำนาญข้าราชการ 3 แสนล้านบาท เปรียบเทียบกับบำนาญประชาชนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ให้ดูว่าการให้บำนาญข้าราชการเป็นภาระต่อการพัฒนาประเทศ
นายพิธา ชี้แจงว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้มีนโยบายในการยกเลิกบำนาญ แค่มองว่าเป็นงบประมาณที่สูง อยากจะขอความร่วมมือข้าราชการดูว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้มีการยกสวัสดิการประชาชนขึ้นมาให้เท่าเทียมกัน (จากไทยโพสต์)
ขณะเดียวกัน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ถึง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ.กทม. ที่เดินทางไปยังศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ เขตดินแดง กรุงเทพฯเมื่อกลางดึก วันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า
“ผู้ว่าฯ ชัชชาติ
ไม่มีอะไรต้องคิดให้ซับซ้อน เมื่อทราบว่า ท่านผู้ว่าฯ กทม. ลงไปเยี่ยมสำนักระบายน้ำ ตอน 4 ทุ่ม ในช่วงเวลาที่ฝนถล่มกรุงเทพฯ เพื่อเก็บข้อมูลทันที พร้อมให้กำลังใจคนทำงาน บอกได้คำเดียวครับ ว่า ประทับใจและชื่นชมท่านมากๆ ในฐานะที่เป็นคนกรุงเทพฯ รู้สึกอุ่นใจ และมีความหวังที่จะเห็นเมืองหลวงของเราพัฒนาและได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทันต่อสถานการณ์
ในฐานะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน บอกได้เลยว่า นี่คือ ความรับผิดชอบต่อทุกความไว้วางใจที่ได้รับจากประชาชน มันจะเป็นสิ่งเตือนใจให้นึกถึงหน้าที่และภาระที่ผูกพันต่อปัญหาของประชาชนตลอดเวลา
ผมขอขอบคุณและให้กำลังใจท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ ให้ทำงานแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯได้สำเร็จ นักการเมืองที่ดี เราต้องชื่นชมและให้ความร่วมมือ เพื่อกรุงเทพฯเมืองหลวงของเราทุกคน”
#นักการเมืองดีๆ ไม่ได้มีแต่ในนิยาย
#ทำดีต้องชื่นชม👏👏👏”
แน่นอน, นี่คือ ภาพสะท้อนการทำงานของนักการเมือง ทั้งเก่าและใหม่ รวมถึง “วิธีคิด” ในการแก้ปัญหาประเทศ บางคนทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง บางคนทำงานแบบสุกเอาเผากิน ไม่ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนจะมีการอภิปรายในสภา โดยเฉพาะที่อ้างตนเป็นนักการเมืองเลือดใหม่ บางคนน่ายกย่อง ทำงานจริงจัง จนแม้แต่นักการเมืองจากพรรคอื่น พวกอื่น ก็ยัง “ซูฮก”
ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด นักการเมืองทำดีได้ ไม่ใช่ดีแต่พูดอย่างที่เขาว่ากัน อยู่ที่ตั้งใจจริงหรือไม่ เท่านั้นเอง