กสม.ประกาศ 6 บุคคลที่มีผลงานดีเด่นด้านสิทธิมนุษยชนปี 64 ทั้ง “พงศธร-นิพนธ์ ปิยะ-กูปัทมา” ขณะ อบต.แม่แดด มูลนิธิกระท่อมพระสิริ รับประเภทองค์กร
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และ นางปรีดา คงแป้น แถลงผลการคัดเลือกบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2564 หลังจากเมื่อวันที่ 3 ส.ค.- 28 ต.ค. 64 ได้ประกาศรับสมัครและเชิญชวนให้เสนอชื่อบุคคลและองค์กร ซึ่งมีบุคคลและองค์กรที่สมัครและได้รับการเสนอชื่อ รวมทั้งสิ้น จำนวน 118 ราย แบ่งเป็นประเภทบุคคล จำนวน 76 ราย ประเภทองค์กรภาครัฐ จำนวน 35 ราย และองค์กรภาคเอกชน จำนวน 7 ราย โดย กสม.มีมติรับรองผลการรวมทั้งสิ้น 8 รางวัล ประกอบด้วย ประเภทบุคคลทั่วไป จำนวน 6 รางวัล ได้แก่ 1. นายพงศ์ธร จันทร์เลื่อน ผู้ก่อตั้งและ ผู้อำนวยการมูลนิธิเอ็มพลัส องค์กรในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านป้องกันเอชไอวี (HIV) และเอดส์ (AIDS) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงด้านสุขภาพทางเพศและสิทธิทางเพศในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเป็นผู้มุ่งมั่นทำงานเพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนแก่คนข้ามเพศและบุคคลหลากหลายทางเพศมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและขับเคลื่อนให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างเพศ เช่น การผลักดันให้มีกฎหมายคู่ชีวิต ที่เปิดโอกาสให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้เหมือนคู่สมรสหญิงชายทั่วไป
2. นายนิพนธ์ ตั้งแสงประทีป ผู้ดำเนินรายการ Big story เรื่องใหญ่ ThaiPBS ผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชนมามากกว่า 27 ปี และได้นำเสนอเนื้อหาข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตสารคดีเชิงข่าวผ่านรายการ Big story เรื่องใหญ่ ThaiPBS เช่น การนำเสนอประเด็นสิทธิชุมชนในการร่วมดูแลรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สิทธิของกลุ่มเปราะบางอย่างคนไร้บ้านในกรุงเทพฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเด็นสถานะบุคคลของสามเณรไร้สัญชาติจำนวนหลายพันรูปที่เข้าไม่ถึงสิทธิในการรักษาพยาบาล หรือประเด็นผลกระทบจากโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งหลายประเด็นที่นำเสนอก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงรูปธรรม
3. น.ส.ภูษา ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการโครงการเลี้ยงดูทดแทน มูลนิธิก้าวหน้าพัฒนา (Step Ahead Foundation) และผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์รับอนุญาต เมื่อครั้งทำงานในฐานะข้าราชการ มีผลงานด้านการส่งเสริม ปกป้องและคุ้มครองเด็กและผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวนมาก เช่น การประสานความร่วมมือในกลุ่มประเทศริมน้ำโขงเพื่อรับตัวผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์กลับคืนสู่ภูมิลำเนา ปี 2555 ภายหลังลาออกจากราชการ ได้เข้าทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศหลายแห่ง โดยขับเคลื่อนให้เกิดการป้องกันการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กเชิงพาณิชย์ ทั้งในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ปัจจุบันรณรงค์ขับเคลื่อนเรื่องสิทธิเด็กกับการเลี้ยงดูทดแทน
4. นายวีระพงษ์ กังวานนวกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและขับเคลื่อนสังคม กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เริ่มงานในฐานะครูข้ามแดนในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือตอนบน โดยสนับสนุนให้เด็กเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ และผู้ด้อยโอกาสได้เข้าถึงการศึกษาในรูปแบบที่เหมาะสม และให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพกลุ่มผู้สูงอายุผ่านการประดิษฐ์ของเล่นไม้จากวัสดุธรรมชาติ นอกจากนี้ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อ ได้จัดกิจกรรมอบรมครู เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปส่งเสริมเยาวชนในเรื่องการรู้เท่าทันสื่อและการผลิตสื่อสร้างสรรค์ รวมทั้งยังทำงานกับเครือข่ายประชาชนชายแดนไทย เมียนมา และลาว เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษาโดยไม่เลือกชาติพันธุ์
5. นายปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับชุมชนในเขตอำเภอเมืองและอำเภอกุยบุรี เพื่อปกป้องทรัพยากรชายฝั่งจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก และผู้ก่อตั้ง “เครือข่ายประมงพื้นบ้าน จ.ประจวบคีรีขันธ์” เพื่อดูแลปกป้องทรัพยากรชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากการทำประมงอย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ในปี 2551 ยังได้สนับสนุนจัดตั้ง “สมาคมชาวประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย” ซึ่งดำเนินกิจกรรม “ธนาคารปู” ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการขับ เคลื่อนการแก้ไขปัญหาให้ชาวประมงพื้นบ้านในประเทศไทยอีกหลายกรณี
6. น.ส.กูปัทมา กาลีกาตะโป อาจารย์ประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะอิสลามศึกษาและนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี อาจารย์ที่รับผิดชอบรายวิชากฎหมายสิทธิมนุษยชนตั้งแต่ปี 2560 โดยได้นำเรื่องสิทธิมนุษยชนมาบูรณการในการเรียนการสอนของนักศึกษาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งกลุ่ม “สตรีเพื่อชุมชน” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทางกฎหมายว่าด้วยเรื่องสิทธิสตรีที่ไม่ขัดกับหลักการของศาสนาอิสลาม รวมทั้งองค์ความรู้เรื่องสิทธิเด็ก และกฎหมายที่เกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวแก่ชุมชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้
ส่วนประเภทองค์กรภาครัฐ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่แดด อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีผลงานเด่นในการริเริ่มโครงการจำแนกที่ดิน-ป่าไม้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในเขตพื้นที่ตำบลแม่แดด ตั้งแต่ปี 2557 เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพชีวิตให้กับราษฎรในพื้นที่กว่า 1,236 ครัวเรือน ซึ่งดำรงชีวิตที่พึ่งพากับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาหลายชั่วอายุคน แต่ไร้ซึ่งสิทธิในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีส่วนร่วมตำบลแม่แดดเพื่อเป็นศูนย์กลางในการสร้างฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS Database : Geographic Information System) ด้านการใช้ประโยชน์จากที่ดิ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ตำบลแม่แดดทั้ง 8 หมู่บ้าน ผลงานดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดระเบียบป่าไม้กับชุมชนเพื่อลดความขัดแย้งและนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชนในการบริหารจัดการพื้นที่ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายเพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถดำรงชีวิตและใช้ประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
ประเภทองค์กรภาคเอกชน จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ มูลนิธิกระท่อมพระสิริ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 เป็นหน่วยงานให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ให้ได้เข้าพักฟื้นและเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาล ตลอดจนสนับสนุนส่งเสริมด้านอาชีพให้แก่กลุ่มเป้าหมายเมื่อกลับสู่สังคมภายนอก มูลนิธิฯ เริ่มให้ความช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสที่อยู่ในพื้นที่พัทยา อำเภอบางละมุง ต่อมาได้ขยายพื้นที่การให้ความช่วยเหลือไปทั่วทั้งจังหวัดชลบุรี และทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสกลุ่มต่าง ๆ ทั้ง ผู้ป่วยเอดส์ กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ พนักงานบริการทางเพศ เด็กผู้รับผลกระทบจากครอบครัวที่ติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงผู้ป่วยเอดส์ที่ถูกทอดทิ้งไร้ที่พักพิง ปัจจุบัน มูลนิธิฯ มีคนยากจน ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และคนไร้บ้านที่อยู่ในความดูแลกว่า 40 ราย โดยมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการรับบริจาคเงินและสิ่งของจากประชาชนทั่วไปและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์งานฝีมือของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส โดยมุ่งหวังให้ผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้สามารถพึ่งพาตนเองได้และกลับสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรี