xs
xsm
sm
md
lg

ปลดล็อกกัญชา นโยบายขายฝัน แต่(ดัน)ทำได้จริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชัดเจนแล้วว่านโยบายกัญชาทางการแพทย์ที่ผลักดันโดยพรรคภูมิใจไทยนั้น บรรลุสู่ความเป็นรูปธรรมชนิดเหนือความคาดหมาย เอาชนะคำปรามาส ที่เคยถาโถมมากจากทุกทิศทาง เอาเข้าจริง นี่คือนโยบายที่ยากแสนยาก และใกล้เคียงกับการขายฝัน เหมือนที่หลายคนปรามาส

เพราะกัญชานั้น อยู่ในสภาพของการเป็นยาเสพติดมาร่วม 40 ปี แม้จะมีหลักฐานทางวิชาการตลอด 15 ปีหลังว่ากัญชา สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้สารพัด และมีกลุ่มผลักดันให้คลายกฏ ขยายกรอบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้กัญชาในการบรรเทาอาการเจ็บไข้ แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่น เพราะแรงเสียดทานของสังคมนั้นมากมายมหาศาล กลุ่มผู้ใช้กัญชา จึงมุดลงใต้ดินกันไปโดยปริยาย

กระทั่งเริ่มมีความหวัง เมื่อพรรคภูมิใจไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคหยิบยกเรื่องนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์มาหาเสียงที่เรียกเสียงฮาจากสังคม แต่อีกมุมหนึ่ง นี่คือ ความหวังของผู้ป่วย

และด้วยความมานะอุตสาหะของฝ่ายที่ผลักดัน มีหัวหมู่ทะลวงฟันคือกระทรวงสาธารณสุข ที่มีนายอนุทิน เป็นรัฐมนตรี ปรากฏว่าสังคมไทยเห็นความคืบหน้าของเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อง ยุทธศาสตร์ของนายอนุทิน คือ การจับกัญชา เข้าไปอยู่ในหมวดหมู่ของยารักษาโรค ด้วยการโรงพยาบาล จับมือกับชาวบ้าน ปลูกกัญชา ไปสกัดเป็นยา แล้วให้บริการในคลินิกกัญชาทั่วประเทศ เพื่อขับเน้นคุณประโยชน์ของกัญชามาให้สังคมได้เห็น จากนั้น ได้นำกัญชา เข้าไปวางไว้ในสารบัญของพืชเศรษฐกิจไทย ด้วยการเปิดช่อง ให้สามารถนำวัตถุดิบจากกัญชา มาผสมในผลิตภัณฑ์ได้ ภายใต้กฎหมายกำหนด เพื่อแต่งเสริมเติมคุณค่าให้กับกัญชา ที่เหลือ คือการรอข้อมูลจากเรื่องประสิทธิภาพการรักษาโรค ไปจนถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจ

เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว ต่อมา ต้องเดินหน้าขั้นตอนสำคัญ คือนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้โน้มน้าวทุกฝ่าย เพื่อปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด หรือ การผ่านประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 29 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดออกประกาศไว้ หรือ การใหทุกส่วนของกัญชา กลายเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย ยกเว้นแต่เพียง สารสกัดที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือ THC เกินร้อยละ 0.2 เท่านั้น ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา

ซึ่งประกาศฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป แต่ก่อนที่ประกาศจะมีผลอย่างเป็นทางการนั้น ตามหลักกฎหมายแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ต้องถือว่า กัญชา ยกเว้นสารสกัดที่มีค่าสารบางอย่างสูงเกินกำหนด ล้วนถูกกฎหมาย

ดังนั้น จะเห็นว่า เมื่อมีข่าวตำรวจจับชาวบ้านปลูกกัญชาไว้เพื่อรักษาตนเอง จะถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนัก จนต้องลุกมาชี้แจงให้สังคมเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้สัญญา จะทำงานอย่างรัดกุม ไปจนถึงกรณีที่ 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกลงโทษ เพราะไปจับชาวบ้านที่ปลูกกัญชาเป็นพืชสมุนไพร 1 ต้น ฐานฝ่าฝืนนโยบายของผู้บังคับบัญชา ที่ให้ใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กัน เหล่านี้คือปรากฏการณ์สังคม ที่เกิดขึ้นมาจากความพยายามเปลี่ยนกัญชาจากผู้ร้ายให้กลายเป็นพระเอก โดยนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย

กระนั้น กว่าจะถึงวันที่ 9 ยังมีเรื่องให้ต้องลุ้นพอสมควร เมื่อปรากฏ ว่ามีแรงฉุดรั้งจากภาคประชาชน ให้เลื่อนวันปลดล็อกออกไป จนถึงการให้ข่าวของบางฝ่ายที่ว่าการปลดล็อกครั้งนี้ ยังห้ามใช้ดอก ที่ขัดกับประกาศ ยส.5 ซึ่งนายศุภชัย ใจสมุทร มือกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ต้องออกมาแก้เกมระบุว่า

“ที่ผมต้องยืนยันอย่างแรกคือ กัญชา จะปลดล็อกสมบูรณ์ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ “แน่นอน” ไม่มีการเลื่อนแม้จะมีแรงกดดัน เพราะความกังวลตามสไตล์ “คุณพ่อรู้ดี” ที่คอยเหนี่ยวรั้งความคืบหน้าของสังคมไทยอยู่ตลอด จะเดินหน้าเรื่องนั้น เรื่องนี้ ก็จะมีกลุ่ม “คุณพ่อรู้ดี” นี่เอง ที่เข้ามาฉุดมาดึงเอาไว้ เพราะมองตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล แต่ก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เรื่องกัญชาก็เหมือนกัน ท่านๆ ไปมองเรื่องการใช้กัญชาในทางที่ผิด โดยไม่มองเรื่องการใช้กัญชาเพื่อรักษาผู้ป่วย การใช้กัญชาเพื่อแก้ปัญหาปากท้องเลย

หลักการของเราคือ เราจะเลือกใช้กัญชาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่เราจะเข้าไปกำกับดูแล การใช้ ที่จะก่อให้เกิดโทษ และอันที่จริง เราไว้ใจคนไทยครับ ว่าทุกท่านมีปัญญามากพอในการดูแลชีวิตของท่าน เราไม่ดูถูกคนไทย จดไปตัดสิทธิ์ ลิดรอน ในสิ่งที่เขาควรได้

อีกอย่างคือแรงฉุดทางการเมือง ที่คอยเตะตัดสกัดขาพรรคอยู่เรื่อยไป โดยเฉพาะการมาในรูปแบบของความเห็นจาก “ผู้หวังดี” ทั้งหลาย ฟังแล้วก็เหมือนได้ลิ้มรสขนมหวาน เหมือนจะสนับสนุนเราเสียทุกเรื่อง แต่ก็แอบแฝงด้วยยาพิษ มีเหน็บแนมงานของเราอยู่ตลอด ทั้งยังไปบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิด แล้วกลับมาวิพากษ์ วิจารณ์เรา แต่ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องชีแจงสังคมให้ทราบ

ส่วนใครก็ตามที่ไปสื่อสาร ดึงให้ “ดอก” ของกัญชา ให้กลับมาเป็นยาเสพติด ด้วยการพูดเพียงวาจานั้น เป็นการทำให้เข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ ขอให้ดูตามกฎหมายครับ กรุณาอย่าคิดกันไปเอง

หลักๆ คือ หลังวันที่ 9 มิถุนายน นี้

ประชาชนคนไทยสามารถปลูกกัญชาในครัวเรือนได้ ผ่านการจดแจ้ง สามารถนำส่วนต่างๆ มาใช้ประโยชน์ได้ ยกเว้นการสกัดสารที่มี THC สูงกว่า 0.2% ของน้ำหนัก หรือ ท่านสามารถเอาใบไปใช้ประกอบอาหาร ไปจนถึงใช้เป็นสมุนไพรในครัวเรือนได้เลย เพียงแต่อย่ารบกวนบ้านใกล้เรือนเคียง และต้องใช้กัญชาอย่างเข้าใจ อย่าใช้จนก่อให้เกิดผลเสีย ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องให้ มีการดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง

สิ่งที่ต้องกราบวิงวอนคือ อย่าได้หาทาง ทำเรื่อง ก่อปัญหา จนกัญชา จะต้องมีอันต้องถูกพากลับไปเป้นยาเสพติดอีกเลย ตรงนี้ เราไทยช่วยกันได้ ส่วนใครที่ยังคิดจะฉุดรั้ง “กัญ” ไว้เพื่อประสงค์ใดก็ตามแต่ ขอบอกให้ท่านปล่อยมือ เพราะตอนนี้ กัญชา ได้เขามาเป็นของประชาชนแล้ว และทุกอย่างจะจบลงในวันที่ 9 มิถุนายน นี้”

ขณะที่นายอนุทิน เองก็ยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน

“ไม่รู้ว่าจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรมาก บอกแล้วเป็นการใช้กัญชาเสรีทางการแพทย์ ยังไม่เคยมีที่กระทรวงสาธารณสุข และพรรคภูมิใจไทยพูดรณรงค์ให้มีการใช้กัญชาเสรีในทุกด้าน แต่ย้ำทุกครั้งว่าอย่าใช้ในทางที่เป็นโทษ ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าทำไมไม่เลื่อนกฎหมายนี้ออกไปก่อน ตนชี้แจงไปว่า คนมาขออนุญาตหลายพันคน เตรียมเงินทุน เตรียมสร้างโรงงาน ซื้อวัตถุดิบที่จะผลิตส่งลูกค้า หากไปเลื่อนจะกระทบกับผู้มีเจตนาที่ต้องการทำกัญชา กัญชงเพื่อเสริมรายได้ สร้างรายได้ให้ประเทศอีกเท่าใด และยังมีการทำวิจัยเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มคุณภาพ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดี เพราะฉะนั้น จะเอาความกังวลของบางคน ต้องไปหยุดเพื่อเขาจนทำให้เกิดผลกระทบกับคนที่ตั้งใจทำประโยชน์ให้บ้านเมือง เราไม่นำสิ่งนั้นมาแลก”

เป็นเสียงจากพรรคภูมิใจไทย เพื่อย้ำว่า นโยบายกัญชานั้น ไม่มีอะไรหยุดได้แล้ว พร้อมส่งเสียงเตือนไปถึงดาวเตะสกัดขัดขาเพื่อน ว่าพวกเขาทันเกมการเมืองหฤโหด และจะไม่มีอำนาจใด มาหยุดการขับเคลื่อนนโยบายนี้ได้

จากคำปรามาสว่าภูมิใจไทยเก่งแต่ขายฝัน พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น มาบัดนี้ ถึงคราวที่บางคนต้องอยู่ในภาวะเงียบสงัด เพื่อรอดูฝันของพรรคภูมิใจไทย กำลังกลายเป็นจริง




กำลังโหลดความคิดเห็น