“ชัชชาติ” ขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลัง กกต. ให้การรับรองตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ขอบคุณ “ศรีสุวรรณ” ที่ออกมาตรวจสอบ ทำให้มีความชอบธรรมมากขึ้น ชี้ กรุงเทพฯ มีความหวังในการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
วันนี้ (31 พ.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่เขตดินแดง สำรวจแฟลตเคหะชุมชนดินแดง และห้องสมุดประชาชน เคหะชุมชนดินแดง 2 ร่วมกับ อนงค์ เพชรทัต ว่าที่สมาชิกสภากรุงเทพฯ เขตดินแดง พรรคพลังประชารัฐ โดยปัญหาหลักที่พบเจอ คือ เรื่องการจัดการขยะ เรื่องสุขอนามัย และเรื่องความพร้อมของห้องสมุดประชาชน
โดยขณะลงพื้นที่ได้มีข่าวเรื่องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมาให้การรับรองตำแหน่งผู้ว่าฯ ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง นายชัชชาติ กล่าวถึงข่าวดังกล่าว ว่า ต้องขอขอบคุณทุกๆ คะแนนเสียง ทั้งที่เลือก และไม่ได้เลือกตน เมื่อ กกต. รับรองตำแหน่งแล้ว ก็พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป ขอให้ประชาชนทุกคนร่วมเดินไปด้วยกัน ย้ำว่า จะเป็นผู้ว่าฯ ของทุกคน จะดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมีความคิดแตกต่างกันอย่างไร พร้อมกล่าวว่า ในช่วงห้าวันที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าคนกรุงเทพฯ ยังมีความหวัง การทำงานร่วมกันระหว่างผู้ว่าฯ และ ส.ก. ที่มาจากต่างพรรคการเมืองไม่ใช่อุปสรรค นอกจากนั้นข้าราชการก็เริ่มมีการนำนโยบายที่เขียนไว้ไปเริ่มดำเนินการแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีการรับรองตำแหน่งผู้ว่าฯ เป็นเรื่องที่น่าดีใจ เชื่อว่า สิ่งนี้เป็นก้าวที่สำคัญในการพัฒนากรุงเทพฯต่อไป และจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางทีดี และมีพลังได้จากการร่วมมือของทุกๆ คน
นายชัชชาติ ย้ำว่า ในช่วงที่ผ่านมา ที่เดินลงพื้นที่ ไม่ใช่เพียงแค่การสำรวจปัญหาในจุดต่างๆ เท่านั้น แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าปัญหาในจุดอื่นๆ ก็ต้องได้รับการแก้ไข ไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯ ลงไปจัดการเอง เป็นการส่งสัญญาณออกไปว่าจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้
“ที่เราไปเดินมันคือ การส่งสัญญาณว่าทุกคนจะต้องลงไปดูแลประชาชน เราอาจจะไปดูปัญหาการก่อสร้างที่เดอะมอลล์ท่าพระ แต่ความหมายที่จะสื่อ คือ ปัญหาทุกจุดจะต้องได้รับการแก้ไข ไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯ ลงไปแก้ ผมว่าเราได้ส่งสัญญาณออกไปแล้วว่าเราจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้” นายชัชชาติ กล่าว
โดยในขณะลงพื้นที่ได้มีนักเรียนท่านหนึ่งเข้ามายื่นเอกสารร้องเรียนในเรื่องเกี่ยวกับข้อบังคับเรื่องทรงผม สีผม และเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนในสังกัด กทม. ในทำนองว่า ควรมีการปรับข้อบังคับเรื่องทรงผม สีผม และเครื่องแบบ โดยคำนึงถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพของนักเรียนให้มากขึ้น นายชัชชาติ ได้รับเอกสารข้อร้องเรียนดังกล่าว พร้อมชี้แจงว่า จะต้องมีการพูดคุยกันด้วยเหตุผล แต่โดยส่วนตัวตนไม่ได้มองว่าทรงผม หรือสีผมเป็นอุปสรรคต่อการเรียน แต่ก็ต้องให้โอกาสทางฝั่งผู้ที่รับผิดชอบในการบังคับทรงผมในอนาคตชี้แจงเรื่องจุดมุ่งหมายของการบังคับดังกล่าวด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น เรื่องการบังคับใส่เครื่องแบบก็ต้องมีการพิจารณาเนื่องจากมีประเด็นในมิติอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องสิทธิเสรีภาพ เช่น มิติทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น ในการจัดการเรื่องดังกล่าวจะต้องมีการพูดคุยร่วมกันด้วยเหตุผลในอนาคต
ส่วนเรื่องการตรวจสอบ ร้องเรียนเรื่องป้ายหาเสียงของ นายชัชชาติ โดย นายศรีสุวรรณ จรรยา ในช่วงก่อนหน้านี้ นายชัชชาติ ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ขอบคุณคุณศรีสุวรรณ และทุกท่านๆ ที่เข้ามาร่วมตรวจสอบอย่างเต็มที่ ขอบคุณคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ พร้อมย้ำว่า การร้องเรียนต่างๆ ไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานในอนาคต เนื่องจากการตรวจสอบเป็นกระบวนการของระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการตรวจสอบออกมาก็ยิ่งทำให้มีความชอบธรรมในการเข้ารับตำแหน่งมากยิ่งขึ้น
ส่วนในเรื่องการฟ้องกลับ สำหรับกรณีการร้องเรียนที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ หรือเป็นการกลั่นแกล้ง นายชัชชาติ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง แต่ก็ต้องดูเงื่อนไขทางกฎหมาย และความเหมาะสมอีกทีหนึ่ง