“อนุชา” เผยผลหารือ กมธ.การศาสนา พบ “หมอปลา” นำพวกบุกวัด ขัดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมาย และระเบียบคำสั่งหลายข้อ ก้าวก่ายการดำเนินงานของสำนักพุทธ และมหาเถรสมาคม ทำให้พระสงฆ์ไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาสนาหลักของชาติเสื่อมเสีย สั่งสำนักพุทธดูแลป้องกันไม่ให้ก่อเหตุซ้ำ
วันนี้ (28 พ.ค.) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ “หมอปลา” กับพวก นําคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่วัดต่างๆ อ้างว่า เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระภิกษุ โดยนำคณะเข้าบุกรุกวัด ที่พักสงฆ์ และกุฏิที่อยู่อาศัยหลายพื้นที่ ว่า จากการหารือของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษำร พบว่า การกระทำดังกล่าวละเมิดข้อกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และมติที่เกี่ยวข้องหลายข้อ ดังนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 และข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ. 2553
ในส่วนของการดำเนินการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ การลงโทษพระภิกษุสงฆ์กรณีที่ละเมิดพระธรรมวินัย เป็นไปตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 หลักเกณฑ์การลงนิคหกรรมนั้นต้องเป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 ออกตามความมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน ซึ่งตามกฎมหาเถรสมาคม ผู้มีอำนาจ คือ ผู้พิจารณากับคณะผู้พิจารณาชั้นต้น คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์และคณะผู้พิจารณาชั้นฎีกา ซึ่งเป็นตำแหน่งพระสังฆาธิการทั้งหมด ผู้ที่ไม่ใช่บุคคลดังกล่าวไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบพระภิกษุได้ การกระทำของหมอปลาและพวกจึงไม่เหมาะสม และส่งผลให้พระภิกษุไม่ได้รับความเป็นธรรม
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำชับและสั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยย้ำให้ประสานความร่วมมือกับพระสังฆาธิการในพื้นที่ปกครอง สอดส่อง ดูแลผู้ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสมดังเช่นกรณีดังกล่าว เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่คิดร้ายต่อพระพุทธศาสนา ในส่วนของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคณะสงฆ์ เป็นอำนาจตามกฎมหาเถรสมาคมที่จะพิจารณาความผิดและบทลงโทษ การที่ฆราวาสจะเข้าไปก้าวก่ายและเอาผิดเรื่องของสงฆ์ไม่สามารถทำได้ ซึ่งสิ่งนี้ถือปฏิบัติมากว่า 2,500 ปีแล้ว การกระทำของหมอปลาและพวกจึงถือเป็นการทำให้พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาหลักของชาติเสื่อมเสีย และไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หากพุทธศาสนิกชนท่านใดพบเห็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว ขอให้รีบแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป