ผู้แทนแรงงานข้ามชาติ ฟ้องศาลปกครอง ครม.- ก.แรงงาน-ก.คลัง ละเมิดสิทธิ-เลือกปฏิบัติโครงการ ม.33 ทอดทิ้งผู้ประกันตนชาวต่างชาติ ทั้งที่ส่งเงินสมทบอัตราเดียวกับคนไทย กลับไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่ศาลปกครอง นายจ่าม อ่อง ชาวเมียนมา ผู้แทนแรงงานข้ามชาติและผู้ไร้สัญชาติ ในฐานะผู้ประกันตนตาม พ.ร.บ.ประกันสังคมมาตรา 33 พร้อมพวกรวม 2 คน และ น.ส.ปสุตา ชื้นขจร ทนายความจากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาเข้ายื่นฟ้อง สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง คณะกรรมาการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ และคณะรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง ว่า ร่วมกันกระทำการละเมิดผู้ประกันตนที่เป็นแรงงานข้ามชาติและผู้ไร้สัญชาติ จากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือคำสั่งทางปกครอง โดยการออกโครงการ ม.33 เรารักกัน ช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตาม พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เฉพาะผู้ประกันตนที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น จึงขอให้ศาลปกครองพิพากษา ให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน การะทรวงการคลัง คณะกรรมาการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ และคณะรัฐมนตรี ร่วมกันดำเนินการยกเลิกคุณสมบัติของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในส่วนที่กำหนดให้ต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย ออกจาก “โครงการ ม.33 เรารักกัน” และให้ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มีสิทธิประโยชน์ตามโครงการ ม.33 เรารักกันด้วย
น.ส.ปสุตา ชื้นขจร ทนายความ กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานที่ไม่มีสัญชาติไทยอย่างน้อย 1 ล้านคน ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราเดียวกันกับผู้ประกันตนที่มีสัญชาติไทย มีการจ่ายเงินสมทบรวมกันแล้วเป็นเงินจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี แต่แรงงานที่ไม่มีสัญชาติไทยกลับไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ในโครงการอย่างเท่าเทียม
