ส่อสะดุด! ภารกิจถ่ายโอน “ท่าเทียบเรือเกาะพีพี” ให้ อบต.อ่าวนาง ติดปัญหาหน่วยงานรัฐ เจ้าของงบ โบ้ย! เป็นท่าเทียบเรือสาธารณะ หรือ เชิงพาณิชย์ “รองวิษณุ” สั่งทบทวนใหม่ จี้ จ.กระบี่ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุป พ่วง ดึง “ผู้ตรวจสำนักนายกฯ” ดูปม คนพื้นที่ค้านเปิดเอกชนเข้าประมูลหาประโยชน์
วันนี้ (23 พ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ที่มี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มอบหมายให้คณะอนุกรรมการบริหารแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ด้านการถ่ายโอนภารกิจ ที่มี นายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์ กรรมการ ก.ก.ถ. เป็นประธาน ไปพิจารณาทบทวนใหม่ หลังจากเสนอภารกิจ ถ่ายโอนท่าเทียบเรือเกาะพีพี ให้กับ อบต.อ่าวนาง
โดยขอให้ ก.ก.ถ.มอบหมายให้ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง กำหนดแนวทางทางส่งมอบสะพานท่าเทียบเรือเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ให้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อ่าวนาง เข้ามาบริหารจัดการท่าเทียบเรือ “เชิงพาณิชย์”
เนื่องจากภาคประชาชน มีการคัดค้าน “การเปิดประมูลให้เอกชนเข้าบริหารจัดการ” สะพานท่าเทียบเรือเกาะพีพี โดยกรณีนี้ให้ประสานผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าช่วยดู ก่อนนำเสนอ ก.ก.ถ. อีกครั้ง
ที่ประชุม รับทราบว่า กรมเจ้าท่า และ กรมธนารักษ์ จ.กระบี่ ได้เข้ามาดำเนินการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อปรับปรุงสะพานท่าเทียบเรือ และวัดขนาดของสะพานท่าเทียบเรือ เพื่อดำเนินการปรับปรุง ก่อนนำไปเปิดประมูลให้เอกชนเข้าบริหารจัดการในเชิงท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์
“ประธาน เห็นว่า กรณีนี้ยังชี้ขาดตอนนี้ไม่ได้ เพราะข้อมูลยังไม่ชัดเจน ขอมอบให้คณะอนุกรรมการกระจายอำนาจฯ ระดับจังหวัด (จ.กระบี่) เป็นเจ้าของเรื่อง โดยมีคณะอนุกรรมการชุดนี้่ เข้ามาหารือให้คำแนะนำ ร่วมกับ กรมเจ้าท่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมธนารักษ์ และผู้แทนประชาชนที่คัดค้าน”
สำหรับมติที่ให้ไปพิจารณาทบทวนใหม่ ที่ประชุมหารือถึงปัญหา ความขัดแย้งระหว่างการเป็น “ท่าเทียบเรือสาธารณะ” กับ “ท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์” ที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยกฎหมายที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. มีมติมอบหมายให้ถ่ายโอนท่าเทียบเรือให้กับ อบต. อ่าวนาง แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้
ซึ่งแผนการกระจายอำนาจฯ และแผนปฏิบัติการฯ กำหนดว่า ท่าเทียบเรือให้ถ่ายโอนให้กับ อปท. ไม่ได้ระบุว่าเป็นท่าเทียบเรือประเภทใด และที่ผ่านมา กรมธนารักษ์และกรมเจ้าท่า ได้แจ้งว่า กรรมสิทธิท่าเทียบเรือเป็นกรรมสิทธิ ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ตามแผนการกระจายอำนาจฯ ที่ กำหนดว่าภารกิจใดที่จะถ่ายโอนให้กับ อปท. ภารกิจนั้นจะต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ อปท. จึงจะมีสิทธิที่จะรับถ่ายโอนได้
แต่ปัจจุบัน ท่าเทียบเรือ มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก หากจะปรับปรุงจะต้องใช้เงินงบประมาณไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท และ อบต.อ่าวนาง แจ้งว่า หากชี้ชัดว่า อบต. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการท่าเทียบเรือ อบต.อ่าวนาง ได้เตรียมงบประมาณที่จะปรับปรุงท่าเทียบเรือไว้แล้ว
ขณะที่ “กรมธนารักษ์” พร้อมที่จะถ่ายโอนท่าเทียบเรือ ให้ อบต.เป็นผู้บริหารจัดการ แต่ พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ มีเงื่อนไขในกรณีที่ใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะ แต่จะสามารถมอบให้หน่วยราชการใช้ประโยชน์ได้ ถ้าเป็นกรณีที่ใช้วัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์
ดังนั้น ต้องดำเนินงานตาม พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ จะต้องมีการจ่ายผลประโยชน์คืนให้กับกระทรวงการคลังในฐานะที่เป็นเจ้าของ
ขณะที่ “กรมเจ้าท่า” ยืนยันว่า การใช้ประโยชน์ของท่าเทียบเรือที่เกาะพีพี เป็นการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
กรณีเป็นท่าเทียบเรือสาธารณะซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของท้องถิ่นสามารถดำเนินการขอใช้กับกรมธนารักษ์ได้แต่กรรมสิทธิยังเป็นของกระทรวงการคลังเช่นเดิม สำหรับกรณีถ้าเป็นท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์จะต้องดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุและระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุต้องดำเนินการโดยวิธีการเช่า
ซึ่งข้อเท็จจริงที่ผ่านมาในปี พ.ศ. 2552 จังหวัดเห็นชอบให้ อบต.อ่าวนาง เช่าพื้นที่และแจ้งเงื่อนไขเรียบร้อยแล้วโดยคิดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 50 ของรายได้ที่จัดเก็บได้จากปี พ.ศ. 2552 ถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้มีการชำระเงินดังกล่าวและไม่มีการยอมรับเงื่อนไขการเช่าแต่อย่างใด
ซึ่งถ้าจะเป็นท่าเทียบเรือลักษณะใดก็ได้กรมธนารักษ์ไม่มีการขัดข้องอยู่ที่กรมเจ้าท่าพิจารณาหลักการเหตุผลการจัดสร้างและสถานการณ์ปัจจุบันศักยภาพของท่าเรือแห่งนี้พร้อมที่จะเป็นพาณิชย์หรือสาธารณะ
ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะอนุกรรมการ เห็นว่า ควรจะต้องเป็นกรรมสิทธิของกรมธนารักษ์ แต่ผู้แทนกรมธานรักษ์ ชี้แจงว่า ไม่ใช่ของกรมธนารักษ์ แต่เป็นกรรมสิทธิของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หากหน่วยงานใดเป็นเจ้าของต้องถ่ายโอนให้ อปท.
ประเด็นที่เกิดข้อขัดแย้งกัน คือ ประเภทของ “ท่าเทียบเรือสาธารณะ” หรือ “ท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์” คณะอนุกรรมการกระจายอำนาจฯ ระดับจังหวัด
ได้มีมติให้เป็น “ท่าเทียบเรือสาธารณะ” การพิจารณาของคณะอนุกรรมการ จึงต้องรับความเห็นคณะอนุกรรมการกระจายอำนาจฯระดับจังหวัด ในฐานะอยู่ในพื้นที่ จึงเสนอต่อ ก.ก.ถ. ยังยืนยันให้เป็นท่าเทียบเรือสาธารณะ และถ่ายโอนให้กับ อบต.อ่าวนาง
ที่ผ่านมา “กรมธนารักษ์” ได้รับทราบข้อมูลเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรจาก “กรมเจ้าท่า” ว่า ท่าเทียบเรือแห่งนี้ ยังคงยืนยันเป็นท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ เหตุผลที่ กรมเจ้าท่า ยื่นหนังสือไม่ว่าจะเป็นเรื่องศักยภาพ วัตถุประสงค์การจัดสร้างให้เป็นท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์
เมื่อสร้างเพื่อเป็นท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์แล้ว ปัจจุบันจะเปลี่ยนเป็นท่าเทียบเรือสาธารณะ ต้องให้กรมเจ้าท่า พิจารณาทบทวนวัตถุประสงค์ที่ได้ของบประมาณในการก่อสร้างเป็นพาณิชย์หรือสาธารณะ แล้วควรจะต้องรับฟังจากจังหวัดและท้องถิ่นด้วย
โดย “กรมธนารักษ์” ไม่ได้ขัดข้อง เพราะมีระเบียบกฎหมายรองรับทุกประเด็น ถ้าใช้ประโยชน์ให้เป็น ท่าเทียบเรือสาธารณะ หรือถ้าให้เช่าให้เป็นเชิงพาณิชย์
คณะอนุกรรมการ ยังเสนอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงความเห็นของคณะอนุกรรมการกระจายอำนาจฯ ระดับจังหวัด ควรที่จะเป็นไปอย่างไร รวมถึงตัวงบประมาณว่าใช้จ่ายปีใด เนื่องจากสภาพท่าเทียบเรือเกาะพีพีปัจจุบันชำรุดทรุดโทรมมาก
“ถึงแม้จะเป็นท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ ก็ไม่เหมาะสมกับการเรียกเก็บค่าบริการ กรณีข้อขัดแย้งนี้ ต้องมอบให้พื้นที่ ซึ่งคณะอนุกรรมการกระจายอำนาจฯ ระดับจังหวัด มีความเห็นว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ ควรที่จะให้ความเห็นตรงกันกับจังหวัด”
ขณะที่ฝ่ายเลขานุการ รายงานว่า คณะอนุกรรมการ ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ มักอ้างว่าไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ จึงเป็นปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องหาข้อยุติเรื่องนี้
สำหรับท่าเรือเกาะพีพีแห่งนี้ เป็นท่าเรือที่ทันสมัยและสวยงามที่สุดของ จ.กระบี่ โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้าง จำนวน 96 ล้าน มีพื้นที่ใช้สอย 1,735 ตารางเมตร (ตร.ม.)
ดำเนินการก่อสร้างและอยู่ในความดูแลของธนารักษ์ จ.กระบี่ มีการจัดเก็บรายได้นำส่งเข้ากระทรวงการคลัง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อบต.อ่าวนาง เป็นผู้ดูแล ไม่ได้นำส่งรายได้
โดยกรมธนารักษ์ เคยเสนอเพื่อเปิดให้เอกชนเข้าประมูลเข้าดำเนินการ พร้อมเสนอเงื่อนไขในภารกิจของ อปท.