“ไบเออร์ไทย” 60 ปีสานต่อความสำเร็จโครงการ “Better Farms, Better Lives 2.0” ในการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย 11 จังหวัด ภาคกลางและอีสาน กว่า 2.6 หมื่นราย ทุ่มงบ 26.7 ล้าน หนุนการเพิ่มศักยภาพในการผลิต ลดต้นทุน และถ่ายทอดความรู้ การใช้นวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่
บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด ร่วมกับ มูลนิธิคลังสมองสหกรณ์ไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงาน “ศาสตร์แห่งแผ่นดินสร้างวิถีสู่อนาคตชาวนาไทย” ภายใต้โครงการ Better Farms, Better Lives 2.0 ณ ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ประจำตำบลสามง่ามท่าโบสถ์ อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท เมื่อวันที่ 21 เม.ย.65 และที่ศูนย์นาแปลงใหญ่ข้าว บ้านทรัพย์เจริญ อ.ร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.65 ภายใต้โครงการ “Better Farms, Better Lives 2.0” มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย 2.6 หมื่นราย ใน 11 จังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ปลูกข้าวบนพื้นที่รวม 3 แสนไร่
นายวีรพล เจริญพานิช ผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจครอปซายน์ ประเทศไทย กัมพูชา พม่า บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ Better Farms, Better Lives 2.0 จัดขึ้น ในโอกาสที่บริษัท ไบเออร์ไทย ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 60 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์และแนวคิด “ทุกคนมีสุขภาพดี และไม่ขาดแคลนอาหาร” (Health for all Hunger for none) และเพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ชาวนามีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก
“โครงการ Better Farms, Better Lives 2.0 มุ่งส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างเช่น การใช้โดรนจัดการศัตรูพืช ช่วยลดต้นทุนและเวลา ลดการสัมผัสสารเคมีของเกษตรกรโดยตรงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเสริมองค์ความรู้เรื่องการจัดการแปลงปลูก การจัดการน้ำ การจัดการศัตรูพืช การคัดเลือกสายพันธุ์ จนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าว เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถได้ผลผลิตที่ดีกว่าเดิม เพราะชาวนาไม่สามารถกำหนดราคาข้าวเองได้ จึงต้องเพิ่มคุณภาพเพิ่มผลผลิต นี่คือสิ่งที่ไบเออร์ไทยมุ่งหวังและทำให้เกิดการส่งต่อความรู้ไปสู่คนรุ่นถัดไป”
โครงการ Better Farms, Better Lives 2.0 ยังได้พัฒนาเกษตรกรผู้นำ 30-40 ราย ให้เป็นตัวแทนถ่ายทอดองค์ความรู้ มีการจัดทำแปลงนาสาธิต 30 แปลง โดยประมาณเพื่อให้เกิดการปฏิบัติจริง การจัดประชุมระบบออนไลน์ผ่าน Zoom ทุกวันจันทร์ เวลา 13.30-14.30 น. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านต่างๆ และเปิดให้เกษตรกรสามารถถามคำถามเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนทักษะใหม่ในการจัดการนาข้าวอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ด้าน นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล ประธานมูลนิธิคลังสมองสหกรณ์ไทย กล่าวว่า มูลนิธิฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการชีวิตในระดับครัวเรือนของเกษตรกร และถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้เกษตรกรยอมรับ และเห็นความจำเป็นที่ต้องนำนวัตกรรมมาใช้ในโลกยุคปัจจุบัน โดยยึดถือหัวใจสำคัญของการพัฒนาคือ เกษตรกรต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น
“สิ่งที่ภาคีเครือข่ายร่วมกันดำเนินโครงการ Better Farms, Better Lives เพื่อแสดงความห่วงใยในคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เราต้องการให้เกษตรกรยกระดับการจัดการชีวิตในครัวเรือน ลดภาระหนี้สิน และยอมรับที่จะนำนวัตกรรมมาใช้ให้ได้รับกำไรต่อหน่วยมากขึ้น เพราะผลตอบแทนของเกษตรกร คือ หัวใจสำคัญของการพัฒนา”
โครงการ Better Farms, Better Lives ครั้งแรกจัดขึ้นในปี พ.ศ.2563 ช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย 5 หมื่นราย ในภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดี กระทั่งในปี 2564-2565 โรคโควิด-19 ยังระบาดต่อไป บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด จึงเดินหน้าโครงการ Better Farms, Better Lives ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ใช้งบประมาณ 26.7 ล้านบาท ขยายพื้นที่เป้าหมาย จากเดิมภาคกลางไปยังภาคอีสาน 11 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ปลูกข้าวนาหว่านน้ำตม ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม อยุธยา สุพรรณบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท พิจิตร ขอนแก่น และนครราชสีมา ได้รับการตอบรับจากชาวนาว่า เป็นโครงการช่วยเหลือที่ตรงจุดและตอบโจทย์ สถานการณ์ปัจจุบัน.