xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ชี้ “รสนา” ซื่อสัตย์กล้าหาญผลงานชัดเจนกว่าผู้สมัครคนอื่น กลับกลายเป็นม้านอกสายตา แนะคนกรุงตัดสินด้วยสาระมากกว่าเห่อตามกระแส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” เสียดาย “รสนา” ถูกมองเป็นม้านอกสายตา ในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทั้งที่หากดูผลงานในอดีต ความสมถะ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ ยังไม่เห็นผู้สมัครผคนไหนเลยที่มีคุณสมบัติ คุณภาพ และผลงานที่พิสูจน์ได้ชัดเจนเทียบเท่า ชี้ถึงเวาที่คนกรุงน่าจะเอาสาระความจริงมาตัดสิน มากกว่าการเห่อตามกระแส

วันนี้(10 พ.ค.) ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” มีการโพสต์ข้อความจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในหัวข้อ “เราลืมเธอไปได้อย่างไร” มีรายละเอียดระบุว่า “ผมกำลังพูดถึงคุณรสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร หมายเลข 7 เธอเป็นม้านอกสายตา แทบจะไม่มีใครสนใจ มิหนำซ้ำ ยังถูกกีดกันจากสื่อมวลชนสายหลัก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ หรือสื่อทางทีวีช่องต่าง ๆ

ผมรู้จักคุณรสนา โตสิตระกูล มาตั้งแต่สมัยที่กำลังเริ่มชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อประท้วงการหลีกเลี่ยงภาษี และการกระทำที่ไม่โปร่งใส ตลอดจนการแก้กฎหมายเพื่อให้ตัวเอง และพรรคพวกของตัวเองได้ประโยชน์ของทักษิณ ชินวัตร

คุณรสนา กับผมในขณะนั้น (พ.ศ.2548) ต่างคนต่างมีหน้าที่ไปคนละรูปแบบ ผมนำมวลชนออกมาประท้วง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และความถูกต้องทางสังคม ที่ถูกรังแกจากอำนาจทางการเมืองของรัฐบาลที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำ และต่อมาไปจนถึง ตัวแทนนอมินีของทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น สมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตราบจนกระทั่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ส่วนคุณรสนา นั้น ก็ทำหน้าที่ NGO ที่ต้องต่อสู้กับอำนาจรัฐเช่นกัน เพียงแต่เธอในเชิง กฏหมาย โดยผ่านองค์กรทางนิติธรรมหลาย ๆ องค์กร

ผมยังจำได้ว่า ผมลุกขึ้นมาต่อต้านความพยายามของทักษิณ ชินวัตร ที่จะแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต โดยจะแยกสายส่งไฟฟ้าออกมาเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ให้เอกชนมาเป็นเจ้าของ ในการต่อสู้ของผมนั้น ผมขึ้นเวที และให้ความรู้กับประชาชน เหมือนกับที่ผมให้ความรู้ผ่านทางเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ ในทุกวันนี้

ส่วนคุณรสนานั้นก็เดินเรื่องต่อต้านอย่างเต็มที่ ผ่านช่องทางกฎหมาย จนกระทั่งในที่สุด ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาออกมาว่า การแยกสายส่งออกมาตั้งเป็นบริษัทนั้น ทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถจะทำได้

และนี่คือชัยชนะของคุณรสนา โตสิตระกูล ที่ต่อสู้ท่ามกลางอำนาจทางการเมืองที่ล้นฟ้าของทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้น

การต่อสู้กับ ปตท. เพื่อเรียกร้องให้ ปตท. นั้นคืนท่อส่งก๊าซ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ กลับมาให้กับกระทรวงการคลัง หลังจากที่ ปตท. ได้ทำการแปรรูปออกไปแล้ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ได้น้อยไปกว่าการที่รัฐบาลชุดทักษิณ ชินวัตร จะฮุบสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต

และในที่สุด เธอก็ต่อสู้ได้สำเร็จ

แทบจะไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ขบวนการขั้นตอนในการต่อสู้นั้น มันหนักหนา สาหัส เดือดร้อน และต้องใช้ความอดทน

แต่คุณรสนา ก็ต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ และไม่ยอมแพ้ต่อความไม่เป็นธรรมที่ส่วนรวมกำลังได้รับ จากผู้มีอำนาจในรัฐบาล

เมื่อคุณรสนาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ของ กทม. ด้วยคะแนนเสียงอันดับหนึ่งของ กทม. (7 แสนกว่าเสียง) ผมก็แอบชื่นชมบทบาทของคุณรสนาไม่ได้ เพราะการแสดงออกคุณรสนา ในสภานั้น เป็นการแสดงออกที่มุ่งต่อประโยชน์ของส่วนรวม รักษากฎหมาย ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่มากมาย สำหรับคนที่เคยติดตามเรื่องราวทางการเมืองในยุคนั้น ซึ่งผมจะไม่เอามาพูด เพราะมันมีมากเกินไป

แต่ผมจะพูดเพียงกรณีเดียวที่สะท้อนให้เห็นจิตใจอันแข็งแกร่ง และความกล้าหาญที่คุณรสนา ได้ทำในช่วงที่เป็น ส.ว.อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ที่ผมไม่เคยเห็นใครทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น ส.ว. ในยุคเก่า ๆ หรือ ส.ว. ยุคปัจจุบัน

วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่ประชาชนไปชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภา แล้วตำรวจยิงก๊าซน้ำตา ฆ่าประชาชนอย่างเมามัน (แม้กระทั่ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็อยู่ในกลุ่มตำรวจพวกนั้น)

ในวันนั้น เวลานั้น คุณรสนา ในฐานะเป็นวุฒิสมาชิก ที่กำลังประชุมอยู่ในสภา พร้อมกับรัฐบาล ลุกขึ้นมาต่อสู้พร้อมประชาชน เรียกร้องให้รัฐบาลสั่งให้ตำรวจหยุดฆ่าประชาชน เธอลุกขึ้นมาพูด และต่อสู้อย่างเต็มที่ โดยไม่หวั่นเกรง ส.ส.พรรครัฐบาล (พรรคที่คุณชัชชาติ เคยเป็นสมาชิกอยู่)

ถึงแม้ว่าเธอจะทำไม่สำเร็จ แต่การต่อสู้ของเธอในสภาในวันนั้น คนที่ติดตามข่าวก็ย่อมรับทราบ และรู้สึกซาบซึ้ง และประทับใจในการกระทำของเธอที่ทำด้วยความกล้าหาญ พร้อมทั้งมโนธรรม และคุณธรรม ที่เธอได้แสดงออก

สมัยที่เธอเป็นกรรมการบอร์ดของ อสมท. เธอเป็นคนที่เรียกร้องให้ อสมท. ดำเนินการทางกฎหมายให้ถูกต้องกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ซึ่งได้สัมปทานจาก อสมท. ไปในขณะนั้น ซึ่งเธอเป็นคนเดียวที่กล้าแสดงออกในเรื่องดังกล่าว เพื่อความถูกต้อง และนำผลประโยชน์ที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยกลับคืนสู่ อสมท. (จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่า ในการสมัครผู้ว่า กทม. ในครั้งนี้ ในขณะที่ช่อง 3 ได้เชิญผู้สมัครผู้ว่า กทม. ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ แต่ก็ไม่เคยเชิญคุณรสนา เลยแม้แต่ครั้งเดียว)

ยังมีเรื่องราวอะไรอีกมากมาย ที่คุณรสนา ทำเพื่อส่วนรวมจริง ๆ ท่านผู้ชมที่ชมรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และกำลังอ่านโพสต์บทความนี้ของผม ลองคิดดูสิว่าคุณรสนา เป็นคนของส่วนรวมจริง ๆ และชีวิตทั้งชีวิต ก็ทำงานเพื่อส่วนรวม ที่สำคัญคือ เธอยังทำงานอย่างซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ต่อสู้โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง

ทุกวันนี้ เธอกับสามีเธอ ก็ยังคงใช้ฮอนด้าซีวิคเก่า ๆ อายุ 14 ปี ทั้งสองคนสามีภรรยาทำงานมาตลอดชีวิต มีเงินเก็บแค่ 6-7 แสนกว่าบาทเท่านั้นเอง

เมื่อผมมองไปยังผู้สมัครผู้ว่า กทม. ทุกท่าน ตั้งแต่หมายเลข 1-8 เมื่อผมเอามาตรฐานในการทำงานของคุณรสนาตั้ง และความสมถะในชีวิตเธอ ตลอดจนความซื่อสัตย์ และความกล้าหาญของเธอ จากอดีตที่ผ่านมา ผมยังไม่เห็นผู้สมัครผู้ว่าคนไหนเลยที่มีคุณสมบัติ คุณภาพ และผลงาน ที่พิสูจน์ได้ชัดจากอดีตถึงปัจจุบันเหมือนอย่างคุณรสนาเลย

น่าเสียดายอย่างสุดซึ้งที่ทุกวันนี้ พวกเราไปสนใจกับกระแส ใครมีความสามารถในการปั่นกระแสได้ ก็จะมีชื่อเสียงได้รับความนิยม แต่คนจริง กล้าหาญ สื่อสัตย์ และมีผลงานที่พิสูจน์ได้ จากอดีตถึงปัจจุบัน มีเพียงคุณรสนา โตสิตระกูล เพียงคนเดียวเท่านั้น

น่าเสียดายมากที่เธอเป็นม้านอกสายตา เธออาจจะเป็นผู้สมัครคนเดียวที่มีป้ายติดอยู่นับจำนวนชิ้นได้ และน่าจะเป็นผู้สมัครคนเดียวที่ให้ความจริงใจกับส่วนรวม และความซื่อสัตย์กับองค์กรที่เธอกำลังเสนอตัวเข้าไปบริหาร โดยผ่านจากการกระทำเก่า ๆ ของเธอซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้พวกเราเห็นว่า กทม. จริง ๆ แล้ว ต้องการคนอย่างเธอมากที่สุด

น่าเสียดายที่เธอเป็นม้านอกสายตา

เราจะลืมคนอย่างเธอได้ยังไง (ท่านผู้ชมที่อ่านโพสต์นี้แล้ว ถ้าเห็นด้วย ช่วยแชร์กันไปให้เยอะ ๆ ถึงเวลาแล้วที่พวกเราน่าจะเอาสาระ และความจริงมาตัดสินมากกว่าการเห่อตามกระแสต่าง ๆ)

สนธิ ลิ้มทองกุล
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565


กำลังโหลดความคิดเห็น