รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ มุ่งต่อสู้กับการแพร่ระบาดโควิด ฟื้นตัวร่วมกัน มีการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ส่งเสริมความสัมพันธ์ทาง ศก.ให้เข้มแข็งกว่าเดิม
วันนี้ (10 พ.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมของการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ โดยให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ดังกล่าว ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
สำหรับประเด็นสำคัญของร่างแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมฯ นั้น เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ได้แก่ การต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการฟื้นตัวร่วมกัน มีการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต เช่น การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ กองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 คลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ระบบประสานงานภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขอาเซียน รวมถึงการส่งเสริมให้มีการทำวิจัยร่วม การสนับสนุนทางการเงินที่ยั่งยืนสำหรับความมั่นคงด้านสาธารณสุข การลงทุน และร่วมทุนในอุตสาหกรรมด้านเภสัชกรรม การร่วมผลิตวัคซีน เพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข รวมถึงผ่านข้อริเริ่มอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ด้านสาธารณสุขเพื่ออนาคต
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการสนับสนุนทางการเงินในระดับนานาชาติที่เพิ่มขึ้นและยั่งยืนยิ่งขึ้น เพื่อการป้องกัน การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อโรคระบาด และการลงทุนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบสาธารณสุขผ่านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยเฉพาะบริการสาธารณสุขมูลฐาน และกำลังคนด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่เข้มแข็งของความมั่นคงด้านสาธารณสุข โดยคำนึงถึงวาระและเป้าหมายความมั่นคงด้านสุขภาพโลก ค.ศ. 2024
ขณะเดียวกัน ยังมีประเด็นด้านการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็งกว่าเดิม ได้แก่ ขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยให้มีความเท่าเทียม เข้มแข็ง และยั่งยืน การเติบโตที่ครอบคลุม และการพัฒนาที่ยั่งยืน, การส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน, การตอบสนองต่อความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาค ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานสูง โปร่งใส ยั่งยืน และมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การส่งเสริมการค้าการลงทุน และสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่มั่นคงและฟื้นตัวได้เร็ว และความเชื่อมโยงไร้รอยต่อในภูมิภาค และ กระชับความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงด้านคมนาคม เพื่อสนับสนุนการนำเทคนิคที่เป็นเลิศมาใช้ เช่น การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงประเด็นเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือทางทะเล, การเสริมสร้างความเชื่อมโยงระดับประชาชน, การส่งเสริมการพัฒนาในอนุภูมิภาค, การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและการส่งเสริมนวัตกรรม, การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น