“วิษณุ” เผย พศ.ไม่ได้นิ่งเฉยเรื่องฉาววงการสงฆ์ กำลังพิจารณานำกฎหมายเก่ามาใช้ เอาผิดเสพเมถุน ทั้งพระ-ผู้หญิง หรือเขียนใหม่ให้ดีกว่าเดิม ย้ำ ศาสนาไม่เสื่อม ขอทุกฝ่ายช่วยกัน ทิ้งบอมบ์ “เงินทอนวัด” คืนชีพอีก ขอให้รอดู
วันนี้ (6 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเรื่องอื้อฉาวในวงการสงฆ์ในขณะนี้ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกเข้าหารือที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า วานนี้ (5 พ.ค.) ว่า นายกฯ ไม่ได้ฝากเรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตนได้บังเอิญเจอ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จึงได้คุยกัน โดยได้ถาม ผอ.สำนักพุทธฯ ว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา กำลังเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายอยู่ ทางสำนักพระพุทธศาสนาจะว่าอย่างไร ซึ่งทาง ผอ.สำนักพุทธฯ ก็รับว่าจะไปศึกษาเรื่องนี้ดู
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทางสำนักพุทธฯ จะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเขากำลังดำเนินการอยู่ รอให้ทางสำนักพุทธฯ เป็นคนพูดเองดีกว่า เมื่อถามว่า ขณะนี้วงการสงฆ์เริ่มเสื่อมขึ้นทุกวัน นายวิษณุ กล่าวขึ้นมาทันที ว่า อย่าเพิ่งไปคิดอะไรขนาดนั้น แค่นิดเดียวจะเสื่อมได้อย่างไร ก่อนหน้านี้มีตั้งเยอะแยะ
เมื่อถามว่า เป็นห่วงว่ามันจะกลายเป็นโดมิโนที่ลามไปในหลายๆ วัดหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องที่น่าวิตก จริงๆ แต่จะทำอย่างไรเดี๋ยวลองคิดกันดู ซึ่งในอดีต ปี 2500 เราเคยมีกฎหมายที่มีการระบุว่า พระที่ทำปาราชิกโดยเสพเมถุนกับผู้หญิง ไม่ว่าหญิงผู้นั้นจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม ถือว่าพระสงฆ์มีความผิด และผู้หญิงก็มีความผิด แต่ต่อมาเห็นว่า ควรยกเลิก ซึ่งปัจจุบันกฎหมายนี้ไม่มีแล้ว ก็ต้องไปดูว่าเหตุผลที่ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ไปเพราะอะไร การมาเรียกร้องให้มีกฎหมายลงโทษแบบนี้ ต้องบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยมีมาแล้วแต่เราก็ยกเลิกไปแล้ว วันนี้ถ้าจะเอามาใช้อีกก็ไม่ขัดข้อง ถ้าเราคิดว่าสมควร ก็เป็นหน้าที่ของสำนักพุทธฯ และอาจจะต้องมีกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศาสนา และนักกฎหมายมาร่วมกันพิจารณาด้วย ว่าสมควรที่จะเอากฎหมายฉบับเก่ากลับมาใช้ใหม่หรือไม่ หรือจะเขียนใหม่ให้มันดีกว่าเดิมอย่างไร เพราะถ้าไปดูเหตุผลที่ทำไมยกเลิกในตอนนั้นก็จะพบว่า มันจำเป็นต้องยกเลิกในตอนนั้นจริงๆ วันนี้เราเพิ่งพาประชาชนและสื่อมวลชนดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมสงสัยว่า สำนักพุทธศาสนาดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์ในขณะนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า เขาทำอยู่ มีการติดต่อประสานกับเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสอบอยู่ เพราะเมื่อยอมรับก็เท่ากับว่า ปาราชิกโดยเสพเมถุน และเมื่อต้องปาราชิก ก็เหมือนตาลยอดด้วนอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส คือ ไม่สามารถบวชได้อีกตลอดชีวิต และนี่คือ เหตุผลว่า ทำไมปี 2500 จึงมีการยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ เพราะถือว่ารับโทษทางวินัยของพระสงฆ์ไปแล้ว หากจะมาติดคุกอีก ก็อาจจะแปลก นี่คือ ตามกฎหมายในอดีต
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีการลาสิกขาไปก่อนที่จะมีการถกเถียงว่าปาราชิกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทางสำนักพุทธฯ กำลังประสานดำเนินการอยู่เพื่อให้เกิดหลักฐานรองรับไว้ในทะเบียนว่าปาราชิกไม่เช่นนั้น เวลาจะบวชอีก พระอื่นหรือวัดอื่นอาจจะไม่รู้
เมื่อถามว่า ตอนนี้ความเสื่อมในพระพุทธศาสนามันเกิดขึ้นแล้ว ทางสำนักพุทธฯ จะสามารถเรียกศรัทธาจากประชาชนมาได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เราก็ต้องช่วยกันทั้งประเทศ โดยสำนักพุทธฯ อาจจะมีบทบาทมากหน่อย ขอให้เขารวบรวมข้อมูลความชัดเจน ให้ได้สักหน่อยก่อนแล้วค่อยออกโรงมาชี้แจง เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องนี้แต่ยังมีกรณีของพระผู้ใหญ่ จังหวัดอื่นๆ อีก รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าพูดว่าพระผู้ใหญ่เลย พระผู้น้อยก็มีเยอะแยะไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเรื่องของเงินทอนวัด ยังคงมีอยู่อีกหรือไม่ นายวิษณุ ย้อนถามว่า “คุณไม่รู้หรือ” เมื่อถามว่า กรณีเงินทอนวัดมีอีกหรือ นายวิษณุ กล่าวว่า “รอดูอีกสักพักแล้วกัน” เมื่อถามว่า รอดูใคร นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็รอดูแล้วกัน” เมื่อถามว่า เป็นพระในกรุงเทพฯ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่ทราบ รอดูอีกหน่อย รอดูแล้วกัน”