โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ พอใจการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม กำชับทุกหน่วยงานเร่งขับเคลื่อนรับมือฤดูฝน ตาม 13 มาตรการ ที่กำหนดไว้ให้เป็นรูปธรรม
วันนี้ (5 พ.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง ประเมินสถานการณ์ เตรียมความพร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ดำเนินการปรับปรุงแหล่งน้ำให้สามารถรองรับน้ำฝนได้เต็มศักยภาพ พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรมากที่สุด
นายธนกร กล่าวว่า กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ รายงานสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ สรุปดังนี้
1. กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน ในช่วงระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม 2565 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ ภาคตะวันออก จำนวน 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด และ ภาคใต้ จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราช ภูเก็ต และ กระบี่
2. ผลการดำเนินงานตามมาตรการรองรับฤดูฝน ปี 2565 กรมเจ้าท่า ดำเนินการขุดลอกแม่น้ำคำ ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ระยะทาง 3,050 เมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าตัดของร่องน้ำ รองรับน้ำในฤดูน้ำหลาก การอุปโภค บริโภค และการเกษตร ลดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ ทางการเกษตร การกัดเซาะตลิ่ง โดยมีประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ จากการขุดลอก จำนวน 339 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 17,800 ไร่
3. สภาพอากาศ การคาดการณ์สภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 5-6 พ.ค. 2565 พบว่า ลมตะวันออก และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีอากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง และทะเลอันดามันตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน และจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบนในช่วงวันที่ 6-9 พ.ค. 65
4. แหล่งน้ำทั่วประเทศ
4.1 แหล่งน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำ 46,348 ล้าน ลบ.ม. (56%) แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ปริมาณน้ำ 40,561 ล้าน ลบ.ม. (57%) ขนาดกลาง 355 แห่ง ปริมาณน้ำ 3,327 ล้าน ลบ.ม. (61%) และขนาดเล็ก 139,894 แห่ง ปริมาณน้ำ 2,460 ล้าน ลบ.ม. (48%) สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนนฤบดินทรจินดา
4.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ปริมาณน้ำ 10,111 ล้าน ลบ.ม. (419) โดยเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
และ 5. สถานการณ์น้ำในแม่น้ำต่างๆ อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยถึงปกติ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
“นายกรัฐมนตรีความพอใจการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมที่ผ่านมา และขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สามารถจัดสรรน้ำได้อย่างเพียงพอ เน้นย้ำให้ช่วยเหลือต่อเนื่องให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากภัยแล้งน้อยที่สุด พร้อมกับขอให้ทุกหน่วยงานเร่งขับเคลื่อนแผนรับมือฤดูฝน ตาม 13 มาตรการที่กำหนดไว้ให้เป็นรูปธรรม” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว