“ประยุทธ์” รับทราบความก้าวหน้าอีอีซีไอ ชี้ 6 กลุ่มเป้าหมายอุตสาหกรรมพัฒนาต่อเนื่อง ย้ำเสนอโครงการ ขออนุมัติงบต้องสนองยุทธศาสตร์ชาติ ครม.อนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ 100-250 บ. ตามช่วงวัย 6 เดือน บรรเทาผลกระทบ ศก. ช่วยกว่า 10 ล้านคน
วันนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.40 น.ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การประชุม ครม.มีหลายวาระเพื่อพิจารณา รวมถึงโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ เพื่อให้ ครม.พิจารณาแก้ไข ทั้งระยะเร่งด่วน การวางแผนโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว ซึ่งตนย้ำในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติที่วางอยู่ไว้ในปัจจุบัน การทำงานของ ครม.จะมีการเสนอแผนงานโครงการขึ้นมา เพื่อขอนุมัติใช้งบประมาณที่จะต้องตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลวางแผนไว้ ทั้งนี้ บางโครงการที่กำลังดำเนินการในขณะนี้ ด้านเศรษฐกิจเราก็รับทราบการพัฒนาความก้าวหน้าเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) ที่เป็นการต่อยอดนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเราวางแผนไว้ ในเรื่องของโครงสร้างเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยอีอีซีไอถูกวางไว้เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมทั้งประเทศ ซึ่งตนได้ไปติดตามความก้าวหน้าในโครงการพัฒนาพื้นที่วังจันวัลเลย์ ที่ จ.ระยอง อยู่บ่อยครั้ง
นายกฯกล่าวว่า ทั้งนี้ ได้เห็นการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นประโยชน์กับประเทศของเรา ในการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีของประเทศ โดยเฉพาะ 6 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เรื่องของเกษตรกรรมสมัยใหม่ โรงกลั่นชีวภาพ แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง การขนส่งสมัยใหม่ หุ่นยนต์ระบบอัจฉริยะ เทคโนโลยีการบินโดรนและอวกาศ และเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเรามีพื้นที่เตรียมไว้อยู่แล้วกว่า 3 พันไร่ สามารถเปิดใช้งานได้ภายในปีนี้ โดยจะมีเมืองต้นแบบนวัตกรรมย่อยอยู่ในนั้น เราจะเริ่มต้นแบบที่ต่างประเทศเขาทำ ไม่ว่าจะเป็นเมืองนวัตกรรมชีวภาพ เมืองนวัติกรรมระบบการบิน เมืองนวัติกรรมระบบอัตโนมัติ รวมทั้งเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน เพื่อเพิ่มศักยภาพและยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีของเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ซึ่งเราให้ความห่วงใยเป็นพิเศษ รวมถึงชุมชนพื้นที่การเกษตรอีกหลายร้อยรายเพื่อให้มีกำไรเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ ยังแถลงว่า ครม.ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ รายละ 100-250 บาท ต่อเนื่องตามช่วงอายุเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะเริ่มเดือน เม.ย.- ก.ย.ทั้งนี้ จากข้อมูลจะมีผู้สูงอายุได้รับสิทธิกว่า 10 ล้านคน รวมเป็นวงเงินมากกว่า 8 พันล้านบาท สรุปเดือนนี้ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยยังชีพที่มีเดิมอยู่แล้ว และเงินช่วยเหลือพิเศษตรงนี้โอนตรงเข้าบัญชีจำนวน 700-1,250 บาทต่อเดือน นี้คือสิ่งที่รัฐมีความห่วงใยให้กับพี่น้องผู้สูงอายุที่เราต้องดูแลเป็นพิเศษในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้สูงอายุจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการทำงาน การได้รับเงินจากลูกหลาน ทั้งนี้ เพื่อให้พี่น้องผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพมากขึ้น นั้นคือ หลักการของตนและรัฐบาลที่ให้ความสำคัญสูงสุดในการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง