xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ค่อยโหน “มิลลิ”! “อุ๊งอิ๊ง” เอาบ้าง “ข้าวเหนียวมะม่วง” ฟีเวอร์ พท.ชิงใช้หาเสียง ส.ก.แต่ขวาง “ลุงตู่” อย่าเคลม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขณะประชุมทีมงานเตรียมประชุมใหญ่ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากแนวหน้า
โหนบ้าง! หัวหน้าครอบครัว พท. “อุ๊งอิ้ง” เล่นมุกรวมทีมทาน “ข้าวเหนียวมะม่วง” งานนี้ “เสิร์ฟจริง!” ขณะเตรียมประชุมใหญ่ “24 เม.ย.” พท.เสือปืนไว ชิงดันเป็นนโยบายหาเสียง ส.ก. ขวาง “ประยุทธ์” อย่าเคลม “มิลลิ”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (20 เม.ย.) “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า

ภาพ โชว์เสิร์ฟ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากแนวหน้า
“เราได้รวมทีมทานข้าวเหนียวมะม่วง เอ้ยยยย ได้รวมทีมการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เพื่อมาระดมไอเดีย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมพรรคสามัญประจำปี 2565 นั่งประชุมกันหลายชั่วโมง ได้กรอบความคิดเพิ่มขึ้นมากมาย เพราะกรรมการหลายท่าน ก็มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันออกไป

ฝากติดตามการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ในวันอาทิตย์นี้นะคะ ยังมีอะไรๆ ที่น่าสนใจอีกเยอะเลยคะ (จากแนวหน้า)

ขณะเดียวกัน นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทย ได้ประชุมผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 50 เขต เพื่อเตรียมพร้อมการผลักดันนโยบายกรุงเทพฯ มั่งคั่ง ที่พรรคได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะนโยบาย “50 เขต 50 ซอฟต์ เพาเวอร์” ซึ่งขณะนี้ผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคได้ลงพื้นที่ศึกษารายละเอียดทุกชุมชนใน 50 เขตทั้งหมดแล้ว

พบว่า ในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 มีวิถีชีวิต อาหารการกิน หัตถกรรม ดนตรี และความเป็นอยู่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เรียกได้ว่า เป็นวัฒนธรรม ซึ่งสามารถหยิบยกมาเป็นต้นทุนและต่อยอดให้เป็นรูปธรรม ใส่ความคิดรูปแบบที่แตกต่างให้เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชนได้แบบยั่งยืน สู่การสร้างความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพฯ ได้

ภาพ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทย ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากสยามรัฐออนไลน์
นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ตัวอย่างจากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การทำขนมงาพอง จากวัฒนธรรมจีน ในชุมชนย่านบางแค ปรับปรุงจากสินค้าเฉพาะเทศกาลตรุษจีน กลายเป็นขนมงาพอง ที่ขายได้ทั่วประเทศในทุกช่วงเวลา หรือ ชุมชนบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่สืบทอดวิชาทำบาตรพระแบบดั้งเดิมมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่อยอดรังสรรค์ ส่งประกวดจนได้รับรางวัลชนะเลิศ Innovative Craft Awards 2017 เป็นการส่งเสริมสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านต่อยอดเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ใส่คุณค่า จนเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งนโยบาย “50 เขต 50 ซอฟต์ เพวเวอร์” ของพรรคเพื่อไทย คือ การนำต้นทุนทางวัฒนธรรมทุกอย่างที่มีอยู่ มาต่อยอดความความคิดไอเดียที่สร้างสรรค์ ร่วมกับความรู้และเทคโนโลยี เพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ให้พี่น้องได้จริง

นางพวงเพ็ชร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากปรากฎการณ์ นักร้องดัง “มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล” ผู้ปลุกกระแสวัฒนธรรมอาหารไทย “ข้าวเหนียวมะม่วง” ซึ่งก็คือ ตัวอย่างของ soft power หรืออำนาจอ่อนที่สามารถชักจูงโน้มน้าวชาวต่างชาติ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวโลกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก พรรคเพื่อไทย จึงเห็นควรให้ ส.ก.เร่งสำรวจผลจากซอฟต์ เพาเวอร์ “ข้าวเหนียวมะม่วง” เพื่อเป็นกรณีศึกษาในการพัฒนาส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ soft power อื่นๆ ต่อไป พร้อมสำรวจความเป็นไปได้ที่จะค้นหาและชูทรัพยากรอื่นในกรุงเทพฯ สร้างเป็น soft power ใหม่ อาทิ อาหารไทย เช่น ผัดไทย ต้มยำกุ้ง หรือศิลปหัตถกรรมใด ที่สามารถชูเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและผลักดันให้เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างงาน สร้างรายได้ให้ชาวกรุงเทพฯได้ในอนาคต

“ชุมชนเป็นเจ้าของต้นทุนวัฒนธรรม “50 เขต 50 ซอฟต์ เพาเวอร์” ของพรรคเพื่อไทย จะเข้าไปส่งเสริมและเพิ่มมูลค่า ซึ่งพี่น้องประชาชนในชุมชนจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด เราจะช่วยกันผลักดัน สนับสนุนส่งเสริมในทุกมิติเพื่อให้พี่น้องในชุมชนได้ประโยชน์จากวัฒนธรรมอย่างคุ้มค่า เหมือนที่นักร้องดัง “มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล” ผู้ปลุกกระแสวัฒนธรรมอาหารไทย “ข้าวเหนียวมะม่วง” บนเวที Coachella 2022 จนทำให้ข้าวเหนียวมะม่วงโด่งดังระดับโลกแค่ข้ามคืน” ผอ.เลือกตั้ง ส.ก.พรรคเพื่อไทย กล่าว (จากสยามรัฐออนไลน์)

อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปรากฏการณ์ข้าวเหนียวมะม่วงฟีเวอร์ ที่เกิดจากการแสดงของ มิลลิ นางสาวดนุภา คณาธีรกุล ศิลปินหญิงเดี่ยวชาวไทยคนแรกบนเวทีดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella 2022 เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า

เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของ Soft Power ไทย ที่สามารถไปไกลระดับโลกได้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ส่วนใหญ่ไปด้วยต้นทุนและศักยภาพของตัวเอง ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมจากภาครัฐ จึงทำให้กระแสที่เกิดขึ้นไม่ต่อเนื่องและขาดพลังที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจประเทศได้ในระยะยาว

ภาพ น.ส.จิราพร สินธุไพร ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากสยามรัฐออนไลน์
น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า แม้รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จะพยายามทำนโยบาย Soft Power แต่ที่ผ่านมา ยังขาดความเข้าใจในการขับเคลื่อนนโยบายนี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีกฎระเบียบและงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันนโยบายนี้ถูกจำกัด มีงบให้แต่เหมือนไม่มี จึงไม่ได้เอื้ออำนวยให้เกิด Soft Power ที่สามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศได้ ทั้งที่ประเทศไทยมี Soft Power ที่หลากหลาย และได้รับการยอมรับจากคนไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น หลายครั้งรัฐบาลยังมีท่าทีขัดขวางและกดทับความคิดประชาชน ไม่ได้สร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้เกิด Soft Power ที่มีพลังได้ จึงรู้สึกเสียดายโอกาสสร้างรายได้ใหม่ๆ ของประเทศไทยที่หายไปจากการที่ Soft Power ไทยถูกตัดโอกาส นับตั้งแต่ที่พรรคไทยรักไทยได้พยายามสร้างมาตรฐานของ Soft Power ไทยมาโดยตลอดแต่สุดท้ายก็ถูกรัฐประหาร

ทั้งนี้ หาก พลเอก ประยุทธ์ ไม่รู้วิธีขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power แนะนำให้เปิดใจลองไปศึกษานโยบายของรัฐบาลยุคไทยรักไทย ในอดีต ซึ่งมีโครงการ Soft Power หลายอย่าง เช่น OTOP ครัวไทยสู่ครัวโลก กรุงเทพเมืองแฟชั่น งานแสดงและประชุมสำหรับวงการการ์ตูน อนิเมชัน และมัลติมีเดีย หรือ Thailand Animation and Multimedia (TAM) ฯลฯ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

“หลายปีที่ผ่านมา รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ มองไม่เห็นและทำไม่เป็น ทำให้โอกาสในการสร้าง Soft Power ให้มีพลังหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย แต่หากศึกษานโยบายของไทยรักไทยดูแล้ว ยังทำไม่เป็น ก็ขอเพียงอย่าขัดขวาง เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่ก็พอ” (สยามรัฐออนไลน์)

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ “มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล” ผู้ปลุกกระแสวัฒนธรรมอาหารไทย “ข้าวเหนียวมะม่วง” คือ แบบอย่างที่นักการเมืองไทย และขบวนการ “3 นิ้ว” รวมถึง “ผู้ลี้ภัย ม.112” ในต่างประเทศ จะต้องยึดเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะว่า “เธอ” แยกแยะได้ และแยกแยะออก แม้อายุยังน้อย

กล่าวคือ เธอ ไม่ชอบรัฐบาล แต่เธอไม่เหมารวมถึงทุกอย่างที่เป็น “ไทย” เหมือนกับคนบางจำพวก ที่รังเกียจความเป็นไทยในยุครัฐบาล ประยุทธ์ เพียงเพราะต่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพเผด็จการ (อย่างที่กล่าวอ้าง) แต่ก็ไม่ได้แยะแยะ “ดี-ชั่ว” มักมองใครที่ช่วยให้รัฐบาลจนได้ชื่อเสียงเกียรติยศ หรือมีคำชม คนนั้นเป็น “สลิ่ม” อย่างนี้หมายถึงอะไร???

สำหรับ “นักการเมือง” ถ้าแยกแยะและทำได้อย่าง “มิลลิ” ป่านนี้ประเทศไทย ประชาชนไทย เจริญก้าวหน้าไปนานแล้ว แต่นักการเมืองชอบเล่นการเมือง ชอบชิงดีชิงเด่น และไม่อยากเห็นฝ่ายตรงข้ามได้ดีมีกระแสนิยม

ที่สำคัญ มักเอาผลงานมาอวดอ้างว่าตัวเองทำดีอย่างนั้นอย่างนี้ ตัวเองประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่ไม่เคยสร้างสรรค์ผลงานอะไรเลย เมื่อตกมาเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่หน้าที่ผู้แทนราษฎร ต้องทำเพื่อราษฎร ทุกวิถีทาง ไม่ใช่วันๆ ดีแต่โจมตีรัฐบาล ต้องการล้มรัฐบาลเพื่อที่จะได้อำนาจมาบริหารเองเท่านั้น เพราะถ้ามีบทบาทแค่นี้ ก็นับว่า น่าเสียดายเงินภาษีประชาชนที่จ่ายเป็นเงินเดือน

วันนี้ถ้าชื่นชม “มิลลิ” ก็ควรใช้เธอเป็นแบบอย่าง แล้วไม่ต้องเอาเธอไปทำร้ายทำลายใคร เพราะเธอก็ไม่ทำ คิดว่าอะไรดี อะไรที่คนไทยได้ประโยชน์ ประชาชนส่วนรวมได้ประโยชน์ ทำเลย! ไม่ต้องโยนให้รัฐบาล เพราะ “มิลลิ” ไม่เคยโยนให้ใคร เมื่อเธอมีโอกาสช่วยประเทศไทย เธอก็ไม่รีรอ นี่สิคนจริง

ไม่แปลก ที่มีคนยุให้เธอสมัครเป็น ส.ส.มันซะเลย คงจะดีถ้าได้เธอเป็นแบบอย่างในสภา ที่กำลังแทบหาดีได้ยาก หรือว่าไม่จริง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น