xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ พอใจมูดีส์คงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทย ย้ำ รบ.ให้ความสำคัญเต็มที่ พร้อมเดินหน้าเพิ่มพัฒนาศักยภาพประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกรัฐมนตรี พอใจมูดีส์ คงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทย ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญเต็มที่ ทั้งการดูแลประชาชนในช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 บริหารฐานะการคลังให้มั่นคง พร้อมกับเดินหน้าเพิ่มพัฒนาศักยภาพประเทศ

วันนี้ (8 เม.ย. ) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานจากกระทรวงการคลัง ถึงกรณีที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s Investors Service หรือ มูดีส์ ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพอใจกับที่ประเทศไทยได้รับการคงอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งมูดีส์มีมุมมองค่อนข้างเป็นบวกต่อสถานะของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิผลของนโยบายเศรษฐกิจ มาตรการเยียวยาดูแลประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง ประเมินว่า โครงการอีอีซีจะสนับสนุนการลงทุนและการเติบโตของประเทศไทยในระยะยาวอย่างแข็งแกร่ง และยังมองว่า ใน 2-3 ปี เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมูดีส์ได้คาดว่าจีดีพีของไทยปี 2565-2566 จะเติบโต 3.4% และ 4.8% ตามลำดับ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกภาคส่วนและทุกระดับของทั้งภาครัฐ ธุรกิจเอกชน ประชาสังคม ประชาชน ที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักตามภารกิจของตนเองและที่เกี่ยวกับการสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งสามารถรวมกันขับเคลื่อนประเทศจนนักลงทุน นักท่องเที่ยวรวมถึงบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยระยะต่อไปรัฐจะมุ่งมั่นดำเนินงานตามแผนงาน ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทในระดับต่างๆ เพื่อให้การเพิ่มศักยภาพของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

“นายกรัฐมนตรีพอใจกับผลการประเมินประเทศไทยที่ออกมาล่าสุด เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่รัฐบาลก็ได้ใช้ความพยายามเต็มที่ในการดูแลชีวิต ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชน ขณะเดียวกัน ก็ได้บริหารฐานะการเงิน การคลังของประเทศให้มั่นคงเนื่องจากเป็นภาคที่มีผลอย่างสำคัญต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและการลงทุนในระยะยาว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลจะยังคงนโยบายการดูแลประชาชนไปพร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยให้เพิ่มขึ้น ทั้งการรักษาฐานะการเงินการคลัง และการขับเคลื่อนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มศักยภาพประเทศ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น