xs
xsm
sm
md
lg

"อานนท์" ปักป้าย “หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน”เมืองแพร่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน”ปักป้ายประตูสู่ล้านนาเมืองแพร่ นักการเมืองท้องถิ่นแห่เปิดหวังตอบแทนคุณแผ่นดิน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ “อานนท์ แสนน่าน”ประกาศลั่นถ้าไม่มีกษัตริย์ไทยพวกเราอาจไม่มีแผ่นดินอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ พวกคิดจาบจ้วงล้มล้างสถาบันอย่าเนรคุณแผ่นดิน


วันนี้(26 มีนาคม 2565) ณ บ้านร่องแค ต.น้ำชำ อ.สูงเม่น จ.แพร่ “ประตูสู่เมืองล้านนา” นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย นางนิตยา นาโล รองประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันฯ นายสมชัย แสงทอง ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันภาคเหนือ นางอารีย์ คำดี เลขาประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันภาคเหนือ นางสุมาลี ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันจังหวัดแพร่ และประชาชน ร่วมกับ นายสำราญ กองโกย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำชำ นำนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เปิด"หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน" ตามแนวทางของ “แรมโบ้” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่ต้องการให้ประชาชนที่อยู่ตามหมู่บ้าน และ ชนบท มาร่วมกันแสดงพลังในการเปิด“หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน” ไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ผู้ที่มีความจงรักต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ประชาชน ตามสโลแกนที่ว่า “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี อีสาน-ล้านนา-อโยธยา- อันดามัน"ทั่วทั้งประเทศไทย


นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พวกที่คิดจาบจ้วงล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่าคิดเนรคุณแผ่นดิน เพราะบาปกรรมจะตามสนองจะไม่มีแผ่นดินอยู่ต้องไปจบชีวิตลงต่างประเทศเหมือนกับหลายๆ คนที่คิดชั่วทรยศแผ่นดิน พระมหากษัตริย์เปรียบเสมือน “เทวดาเดินดิน” ที่ทำให้พวกเรามีอยู่มีกิน ร่มเย็น มาจนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยเพราะบารมีใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร พวกเราปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพระบารมี ฟื้นฟูปฐพีไทย หยาดทิพย์ชโลมแผ่นดิน ไม่มีก้อนดินใดในผืนดินนี้ที่น้ำพระหฤทัยของพระองค์กษัตริย์ไทยทุกพระองค์ไปไม่ถึง พวกตนจึงขอประกาศ “อยู่อย่างจงรัก ขอตายอย่างภักดี” ไปตามจุดต่างๆ ในการเปิดหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน


นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ถ้าหากประเทศไทยไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วจะเกิดอะไรขึ้น นักการเมืองและข้าราชการประจำจะไม่เห็นหัวประชาชน สถาบันเป็นด่านสุดท้ายที่ไม่ทรงยอมโปรดเกล้านักการเมืองเลวหรือลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าข้าราชการเลว ๆ แม้จะไม่ได้ทรงใช้พระราชอำนาจพิเศษ เหล่านี้มากนัก แต่ก็เป็นด่านที่นักการเมืองและข้าราชการเลว ๆ เกรงกลัว การร้องทุกข์ของราษฎรคือการถวายฎีกา แต่หลายกรณีก็ได้รับพระมหากรุณาปัดเป่าทรงช่วยเหลือ ข้าราชการที่ดีและนักการเมืองน้ำดีก็มีกำลังใจในการทำงาน อย่างน้อยก็รู้ว่าฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ และทุกสิ่งอย่างยังอยู่ในพระเนตรพระกรรณ เพราะถ้าหากไม่มีสถาบันซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยก็อาจนำมาสู่ปัญหานักการเมืองจะทะเลาะตบตีกันหนักมากจนไม่มีใครฟังใคร ประชาชนจะถูกยุยงปลุกปั่นให้ออกมาทะเลาะกันรุนแรงเพื่อผลประโยชน์แต่ละฝ่าย โดยไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครฟังใคร บ้านเมืองจะวุ่นวายมากขึ้น เพราะขาดผู้ที่มีบารมีพอที่ทุกคนเต็มใจรับฟัง ดีไม่ดีจะตีกันตายจนเกิดอาจก่อให้เกิดสงครามกลางเมือง และที่สำคัญประชาชนจะเคว้งคว้าง ขาดศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจ ความคิดในการเสียสละทำเพื่อบ้านเมืองจะลดลง ประเทศไทยอาจจะแตกแยกแบ่งออก ไทยเหนือ ไทยใต้ ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย แผ่นดินไทยจะร้อนระอุไม่ได้แตกต่างจากหลาย ๆ ประเทศที่สิ้นชาติ หรือแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ประเทศ แน่นอนว่าชาติมหาอำนาจย่อมหวังเข้ามาแทรกแซงไทย หลาย ๆ ประเทศเมื่อสิ้นสถาบันแล้วมหาอำนาจก็จะเข้ามาครอบงำ ทำให้ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของชาติมหาอำนาจซึ่งพวกเราคงไม่มีวันยอม














กำลังโหลดความคิดเห็น