วันนี้ (18 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ 1 / 65 โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ร่วมประชุม ณ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทส. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและแผนแม่บทการพัฒนาป่าไม้แห่งชาติ
ที่ประชุมรับทราบ ความก้าวหน้าที่สำคัญ ประกอบด้วย การจัดทำและเตรียมเสนอแผนแม่บทพัฒนาการป่าไม้แห่งชาติ ให้ ครม.เห็นชอบ การปรับปรุงอากรขาออกไม้ท่อนและไม้แปรรูป การเร่งปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรป่าไม้ ให้ทันต่อสถานการณ์และความต้องการของประชาชน รวมทั้งการแจ้งความประสงค์ของไทย ต่อศูนย์มรดกโลก เสนอพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน บรรจุในบัญชีเบื้องต้นของพื้นที่คุ้มครองที่เป็นมรดกโลก ประกอบด้วย พื้นที่อนุรักษ์ 6 แห่ง และพื้นที่สงวนชีวมณฑล 1 แห่ง ได้แก่ พื้นที่อนุรักษ์อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง อุทยานแห่งชาติแหลมสน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติเขาลำปี หาดท้ายเหมือง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และพื้นที่สงวนชีวมณฑล ป่าชายเลนระนอง รวม 724,718 ไร่ และพื้นที่กันชนอีก 1,092,781 ไร่
ต่อจากนั้น ได้ร่วมพิจารณาและเห็นชอบในการปรับปรุงเงื่อนไขที่เป็นข้อจำกัด ให้ภาคเอกชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้เพื่อการปลูกสร้างสวนป่าตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ในการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกป่าเศรษฐกิจ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันที่ยั่งยืนในทุกมิติ และเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการไม้ของกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานสังกัด ทส.ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ รวมทั้งเห็นชอบการเข้าร่วมปฏิญญากลาสโกว์ของผู้นำด้านป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการติดตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ที่เป็นปัจจุบัน ในการบริหารจัดการป่าไม้ทั้งระบบให้ทันต่อสถานการณ์และมีเอกภาพ
พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการส่งเสริมอนุรักษ์และคุ้มครองธรรมชาติ และต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น โดยเฉพาะความเร่งด่วนในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงขอให้ ทส.ให้ความสำคัญ ลงขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนาป่าไม้แห่งชาติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามกรอบที่เห็นชอบร่วมกันให้มากที่สุด และขอให้เร่งปรับปรุงแก้ไขกฏหมายเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ให้มีความทันสมัยเร็วขึ้น โดยไม่ละเลยการดึงทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้ ขอให้ ทส. นำผลการประชุม เสนอ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป