โฆษกพรรคกล้า เผยสู้ต่อ! เตรียมหอบ 10,000 ชื่อ ยื่นผู้ตรวจฯ เสนอบทลงโทษตัดเงินเดือน ส.ส.ไม่ประชุม ทำสภาล่ม หลังถูกเชิญออกจากห้อง กมธ.เมื่อวานนี้ เหตุนักการเมืองพรรคเก่าแก่ อ้างว่า ข้อมูลยังไม่ถูกตรวจสอบ
วันนี้ (16 มี.ค.) นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า เมื่อวานนี้ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.กทม. และตน ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ตามคำเชิญ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับข้อเสนอให้มีบทลงโทษตัดเงินเดือน ส.ส.ที่ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม จนเป็นเหตุให้สภาล่มถึง 17 ครั้ง พร้อมรวบรวมรายชื่อประชาชนกว่า 8,000 รายชื่อ ยื่นต่อประธานรัฐสภา แต่เมื่อเข้าชี้แจงเพียงไม่กี่นาที ขณะที่บรรยายว่าเหตุการณ์สภาล่ม 17 ครั้ง มีมูลค่าความเสียหายกว่า 66.8 ล้านบาท กลับถูกรองประธานกรรมาธิการจากพรรคการเมืองเก่าแก่ เสนอให้ประธานกรรมาธิการจากพรรคแกนนำรัฐบาล มีมติเชิญตัวแทนพรรคกล้าออกนอกห้องประชุม โดยอ้างว่า ข้อมูลที่นำเสนอไม่ผ่านการตรวจสอบไม่รู้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ทั้งที่เป็นข้อเท็จจริงซึ่งปรากฏต่อสาธารณะและสื่อมวลชนไปแล้ว
“ตัวแทนพรรคกล้า และประชาชนที่เห็นด้วยกว่า 8,000 รายชื่อ ไม่ได้มีเจตนาทำให้สภาเสื่อมเสียเกียรติ แต่เราต้องการให้การเมืองมีคุณภาพ กอบกู้ชื่อเสียงสภาไทย ด้วยการเสนอมาตรการลงโทษ เช่น การตัดเงินเดือน หรือการจำกัดสิทธิต่างๆ ส่วนจะมีการแก้ไขข้อบังคับอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการและทางสภาพิจารณาอยู่แล้ว แต่กลับถูกคณะกรรมาธิการปิดกั้นไม่รับฟัง ด้วยการอ้างว่าไม่รู้ว่าข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ซึ่งหนังสือเชิญเข้าชี้แจงก็ไม่ได้บอกให้ส่งไฟล์ตรวจสอบก่อน สรุปว่า คณะกรรมาธิการทำหนังสือเชิญเรามาชี้แจง แต่นั่งได้ไม่กี่นาที ก็มีมติให้เชิญออกนอกห้องประชุม ทำกับเราแบบนี้ รู้สึกผิดหวังจริงๆ ครับ” นายแสนยากรณ์ กล่าว
โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกว่าคณะกรรมาธิการกำลังปิดกั้น ไม่ยอมรับข้อมูล ไม่ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรืออาจห่วงศักดิ์ศรีของสภาอันทรงเกียรติ ทั้งที่ทุกท่านต่างเป็น ส.ส.ที่อยู่ในสภานี้ทั้งสิ้น ก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นทางตัวแทนพรรคกล้า ก็จะยื่นดำเนินการช่องทางอื่น โดยวันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.) จะยื่นข้อเสนอพร้อมรายชื่อประชาชนกว่า 10,000 รายชื่อ ต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อเสนอแนะต่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคําสั่ง โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 130(1)