เปิดเบื้องหลัง “รักษาการทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย” ตบเท้าพบ “บิ๊กมหาดไทย” เหตุกังวลระยะเวลางานคัดกรองช่วยเหลือ “ผู้เสียหายค้ามนุษย์” ที่มีแค่ 24 ชั่วโมง อาจไม่เพียงพอต่อกระบวนการ ด้าน “มหาดไทย” รับลูกทันควัน จ่อขยายเวลาเป็น 15 วัน ดันกระบวนการรับตัวผู้เสียหาย เปิดค่าย อส. เข้าคัดกรองเบื้องต้น เน้นผ่อนคลายอิริยาบถก่อนเข้ากระบวนการคัดแยก
วันนี้ (16 มี.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย เตรียมพิจารณาขยายระยะเวลาการคัดกรองผู้คาดว่า อาจเสียหายจากการค้ามนุษย์จากเดิมกำหนดภายใน 24 ชั่วโมง
ภายหลัง นายไมเคิล ฮีธ (Mr. Michael G. Heath) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.)
เมื่อวานนี้ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย แสดงความกังวล ถึงงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์ค้ามนุษย์ในประเทศไทยจะมีจำนวนลดลงจากด้านการคัดกรองด้านแรงงานและการท่องเที่ยวในช่วงสถานการณ์โควิด-19
“เรามีความห่วงใยในด้านการให้ความช่วยเหลือด้านการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมง ที่ดังกล่าว”
นายมานะ สิมมา ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมติร่วมกันว่า จะขยายเวลาเป็น 15 วัน
โดยในช่วงกระบวนการรับตัวผู้คาดว่าเสียหายจากการค้ามนุษย์ ได้ดำเนินการให้บุคคลดังกล่าวได้ผ่อนคลายอิริยาบถก่อนให้ข้อมูลกับภาครัฐในการคัดกรองเบื้องต้น ซึ่งเมื่อกระบวนการครบแล้ว จึงเข้าสู่กระบวนการคัดแยกต่อไป
ขณะที่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นหัวหน้าคณะหารือวานนี้ บอกว่า เพื่อเป็นการดูแลด้านสถานที่ให้กับผู้คาดว่าเสียหายจากการค้ามนุษย์ให้ได้รับการผ่อนคลายความกังวลด้านต่างๆ ก่อนให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐ
“กระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในการปรับปรุงสถานที่ที่เหมาะสม ไม่แออัด ไม่เกิดความตึงเครียด ในด้านอารมณ์ ด้านสุขภาพ เช่น ที่ทำการกองร้อยอาสารักษาดินแดน (กองร้อย อส.ประจำจังหวัด) ที่มีความโปร่ง โล่ง สบาย ถูกสุขลักษณะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งทำให้การดูแลด้านมนุษยธรรมดีขึ้น”
เรายินดีร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในการสนับสนุนด้านต่างๆ ตามหลักสิทธิมนุษยชนให้กับพลเมืองของมิตรประเทศต่างๆ ที่เข้ามาภายในราชอาณาจักรไทยให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หากมีสิ่งใดที่จะให้กระทรวงมหาดไทยร่วมสนับสนุนเพื่อบังเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนชาวไทย และพลเมืองสหรัฐอเมริกาในอนาคต เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาที่ยั่งยืน
สำหรับคณะฝ่ายไทย ที่หารือวานนี้ นอกจากปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ยังมี นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และร้อยตรี สรมงคล มงคละสิริ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมหารือด้วย.
