ที่ปรึกษา กมธ. จัดระเบียบสายไฟฟ้า ชี้ ประเทศไทยต้องไม่มีค่าโง่ ทุกนโยบายต้องรอบคอบ เพื่อให้ภาษีทุกบาทเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
วันนี้ (11 มี.ค.) นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายสื่อสาร และการบริหารจัดการไฟฟ้า ส่องสว่างในพื้นที่ประวัติศาสตร์และพื้นที่เศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า นับเป็นข่าวดี หลังจากเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดมีมติกลับคำพิพากษารับคำขอของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้ศาลพิจารณาคดีโฮปเวลล์ ใหม่ ซึ่งถือเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของมหากาพย์คดีค่าโง่ที่ยืดเยื้อมากกว่า 30 ปี ทำให้เรามีความหวังว่าเงินของชาติจำนวนมหาศาล จะไม่เสียเปล่าโดยไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชน หรือที่เราเรียกว่า ‘ค่าโง่’ นั่นเอง
ทั้งนี้ ‘คดีโฮปเวลล์’ หรือคดีที่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เมื่อปลายปี 2547 ว่าการบอกเลิกสัญญาโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร ของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทยในยุคนั้น ไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในสัญญา ซึ่งต่อมาปลายปี 2551 คณะอนุญาโตตุลาการ ได้มีคำสั่งให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องคืนเงินให้กับบริษัทโฮปเวลล์ ตามมูลค่างานที่ได้ดำเนินการก่อสร้างไป รวมเป็นเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี หากคำนวณความเสียหายจนถึงปัจจุบันแล้ว จะคิดเป็นเงิน “ค่าโง่” กว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
นายอริย์ธัช กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีความพยายามหลายต่อหลายครั้งในการโต้แย้งคำสั่งดังกล่าว แต่กลับไม่เป็นผล จนกระทั่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เห็นช่องทางในการรื้อคดีเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ พร้อมทำตามเจตนารมณ์ที่ได้ประกาศไว้ตอนเข้ารับตำแหน่งว่า ‘คมนาคมยุคนี้ ต้องไม่มีค่าโง่’ จึงเป็นที่มาของการตั้งคณะทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง จนนำไปสู่การกลับคำพิพากษาและนำคดี ‘ค่าโง่’ นี้กลับมาพิจารณากันใหม่อีกครั้ง
“ในช่วงชีวิตของผมมีคดีใหญ่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะคดีที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ค่าโง่ ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวพันกับโครงการหรือนโยบายทางการเมือง ที่มักจะมีปมด้านกฎหมายและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เหล่านี้คงจะเป็นบทเรียนให้ยุคหลัง ๆ ได้ตระหนักว่าการตัดสินใจใดๆ ในทางสาธารณะจะต้องทำด้วยความรอบคอบ และที่สำคัญต้องคิดอยู่เสมอว่าเงินทุกบาททุกสตางค์มาจากภาษีประชาชน อย่างไรก็ตาม กรณีคดีโฮปเวลล์ครั้งนี้ แม้กระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด แต่ผมขอชื่นชมทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทีมกฎหมาย กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทยในยุคนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่ฮึดสู้เพื่อรักษาผลประโยฃน์ของชาติ และหวังว่าการเมืองยุคใหม่จะไม่มีค่าโง่อีกต่อไป” นายอริย์ธัช กล่าว