2 นายกอบจ. "เอกภาพ -ชานุวัฒน์" หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังศาลอุทธรณ์ รับคำฟ้อง กกต. ขอสั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร-เลือกตั้งใหม่-ชดใช้จ่าใช้จ่ายเลือกตั้ง เหตุทุจริตได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต
วันนี้ ( 10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีประกาศแจ้งวันนัดตรวจพยานหลักฐานคดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ลต. อบจ.2/2565 ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ผู้ร้องกับนายเอกภาพ พลซื่อ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้คัดค้าน เรื่องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง โดยศาลรับคำร้องไว้พิจารณาแล้วและนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 18 มี.ค. 65 เวลา 14.00 น.
ทั้งนี้กกต.มีมติให้ยื่นคำฟ้องศาลอุทธรณ์พิจารณาจากกรณีการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเมื่อ 20 ธ.ค. นายเอกภาพซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ. มีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งใส่ร้ายนายมังกร ยนต์ตระกูล คู่แข่ง ด้วยความเท็จหลายครั้ง ซึ่งกกต.เห็นว่าเป็นกระทำเข้าข่ายจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรืองดเว้นการลงคะแนน อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 65 ( 5)
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยังได้ประกาศ แจ้งวันนัดตรวจพยานหลักฐานคดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ลต. อบจ.1/2565 ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ผู้ร้องกับนายชานุวัฒน์ วรามิตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ เรื่องขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยศาลรับคำร้องไว้พิจารณาแล้วและนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 22 มี.ค. 65 เวลา 10.00 น. โดยในส่วนของนายชานุวัฒน์ เป็นกรณีที่กกต.เห็นว่าการที่นายอนุชา สิงหะดี ผู้ช่วยหาเสียงของนายชานุวัฒน์ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเก็บป้ายหาเสียงของนายชานุวัฒน์ไปใช้ประโยชน์ได้ฟรี ซึ่งเข้าข่ายเป็นการ จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชานุวัฒน์ เป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมตามมาตรา 108 วรรคสองพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562
อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 226 กำหนดให้กรณีศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ให้สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่ถูกกล่าวหาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลอุทธรณ์ จะมีคำพิพากษาว่าผู้นั้นมิได้กระทำความผิด แต่ถ้าศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาว่าผู้นั้นกระทำความผิด ให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่