xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิรัตน์” ชูสร้าง ปชต.สร้างสรรค์ เปิดพื้นที่ทุกฝ่ายแก้ความขัดแย้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิรัตน์” หนุน “คนธรรมดา” กำหนดชะตาชีวิตอนาคตประเทศ ตีโจทย์สร้างประชาธิปไตยยุคนี้ ต้องสร้างสรรค์ ผ่าน รธน.ที่เป็นฉันทามติทุกฝ่าย-รับความหลากหลาย เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายเป็นกลไกแก้ไขความขัดแย้ง เตือนฝ่ายอำนาจฝืนการจะเปลี่ยนมืออำนาจมาสู่ ปชช.ไม่ได้

วันนี้ (1 มี.ค. 65) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  ผู้ร่วมก่อตั้ง และแกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์คลิปวิดีโอที่ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงานเสวนา “Friend of Silk Road ประชาธิปไตยที่เป็นสากลของมวลมนุษย์” ซึ่งจัดโดยสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 65 ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยได้เน้นย้ำว่า ประชาธิปไตย คือ อำนาจที่เป็นของประชาชน ที่ต้องมาพร้อมกักันทั้งความเสมอภาพเท่าเทียม และเสรีภาพ ทั้งนี้ โจทย์ของนักประชาธิปไตยทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการหลุดพ้นจากการกดบังคับของอำนาจเท่านั้น ยังมีโจทย์ว่า จะทำอย่างไรให้เกิดประชาธิปไตยสร้างสรรค์ ที่ไม่ทำลายตัวเองในที่สุดเพิ่มขึ้นมาด้วย โดยต้องมีโครงสร้างจากรัฐธรรมนูญ ที่มาจากฉันทามติของทุกภาคส่วน และสะท้อนความแตกต่างหลากหลายทางการเมือง


นายสนธิรัตน์ ระบุว่า เราต้องยอมรับความจริงว่า ชนชั้นนำในอำนาจ และนายทุนจำนวนน้อย จ้องจะริบฉวยอำนาจของประชาชนเสมอๆ ความไม่ไว้วางใจต่อประชาชนนี้เองที่ส่งผลคุกคามสวัสดิภาพทางสังคม และความกินดีอยู่ดีของประชาชน วันนี้เทคโนโลยีทำให้ผู้คนเข้าถึงกันมากขึ้น ให้อำนาจกับมนุษย์ในการควบคุมชะตากรรมของตัวเอง เราอยู่ในยุคที่ทุกคนพร้อมจะมีความเป็นอิสระ และปกครองตัวเอง เราอยู่ในยุคที่เอื้อต่อการเป็นประชาธิปไตยมากๆ ของมนุษยชาติ ทั้งนี้ ประชาธิปไตยจำเป็นต้องมาพร้อมกันกับนอกจากความเสมอภาพเท่าเทียม และเสรีภาพ

“เราอยู่ในยุคที่ผู้คนเรียกร้องหาประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยคืออำนาจที่เป็นของประชาชน เป็นคุณค่าสากลที่คนธรรมดา คนเล็กคนน้อย คิดว่าเขามีสิทธิและเสรีภาพ ในการกำหนดชะตาของตัวเอง และกำหนดอนาคตของชาติ” นายสนธิรัตน์ ระบุ

นายสนธิรัตน์ ระบุด้วยว่า โจทย์ของนักประชาธิปไตยทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการหลุดพ้นจากอำนาจ การกดบังคับ แต่เรามีโจทย์เพิ่มขึ้นว่า จะทำอย่างไรให้เกิดประชาธิปไตยสร้างสรรค์ ที่ไม่ทำลายตัวเองในที่สุด ซึ่งต้องมีโครงสร้างสถาปัตย์ทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยผ่านรัฐธรรมนูญ ที่มาจากฉันทามติของทุกภาคส่วน และสะท้อนความแตกต่างหลากหลายทางการเมือง โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบพิมพ์เขียว ให้ทุกภาคส่วน เข้ามาร่วมขบคิด ร่วมตกผลึก กลั่นกรอง จนให้เป็นมติของมหาชน ซึ่งการเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายเป็นกลไกแก้ไขความขัดแย้งด้วยตัวเอง เพราะการสถาปนารัฐธรรมนูญที่ไม่สะท้อนความหลากหลายก็เท่ากับเราอคติเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

“การสร้างประชาธิปไตย เป็นภารกิจระยะยาว และมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ประชาธิปไตยเมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน กับวันนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่มีแก่นสารบางอย่าง ที่เป็นความจริงและไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ คือ เราฝืนกาลเวลาไม่ได้ฉันใด เราก็ฝืนการที่อำนาจจะเปลี่ยนมือมาสู่ประชาชนไม่ได้ฉันนั้น” นายสนธิรัตน์ ระบุ




กำลังโหลดความคิดเห็น