“สนธิรัตน์” เผย พรรคสร้างอนาคตไทย เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เมืองกาญจน์ ระบุเป็นคนดีมีฝีมือและเป็นคนที่ชาวเมืองกาญจน์ให้ความไว้วางใจ ชี้ สถานการณ์การเมืองสะท้อน ปชช.ไม่มั่นใจ รบ.
วันนี้ (20 ก.พ.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดเผยว่า สำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี ทั้ง 5 เขต ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาผู้ที่เหมาะสมที่จะส่งลงสนามเลือกตั้ง ซึ่งต้องเป็นคนที่มีทั้งความสามารถ ประสบการณ์ และอุดมการณ์เดียวกันกับพรรค ที่สำคัญ เป็นคนที่พี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรีให้ความไว้วางใจเข้ามาทำหน้าที่แทน พร้อมแสดงความมั่นใจว่าในการเลือกตั้งพรรคจะสามารถกวาดที่นั่ง ส.ส.ได้ 4-5 ที่นั่ง อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนเป็นคนเมืองกาญจน์โดยกำเนิด จึงเข้าใจภูมิทัศน์ของพื้นที่ ระบบเศรษฐกิจ สังคม และความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี และมีความพร้อมอย่างแน่นอนที่จะหาคนดีมีฝีมือมาพัฒนาบ้านเกิด ซึ่งขณะนี้มีทั้งคนหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างเสนอตัวเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคอย่างมากมาย เพราะมั่นใจว่า พรรคสร้างอนาคตไทยจะสามารถทำประโยชน์และถูกใจประชาชนชาวกาญจนบุรีมากที่สุด ส่วนทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ตนมองว่า จังหวัดกาญจนบุรีมีจุดแข็งด้านเศรษฐกิจที่ครบวงจร ทั้งการท่องเที่ยว การเกษตร อุตสาหกรรม และการค้าขายชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน พรรคจึงมองภาพรวมการพัฒนาที่เป็นห่วงโซ่เศรษฐกิจที่ต่อยอดและสนับสนุนกันทั้งระบบเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากนี้ พรรคยังมีการศึกษาปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและเอกสารสิทธิครอบครอง ที่เป็นปัญหาสะสมมายาวนาน โดยจะมีการตั้งคณะทำงานมาศึกษาข้อเท็จจริงและวางแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวกาญจนบุรีอย่างดีที่สุด
นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ได้ตอบคำถามกรณีที่สื่อมวลชนถาม ว่า การต่อสู้ในสนามเลือกตั้งของพรรคสร้างอนาคตไทยครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ที่จริงจังหรือไม่ โดยระบุว่า “ถ้าไม่สู้จริง คงไม่ก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา แต่ปัญหาที่ต้องมาขบคิดคือ พรรคเราจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ได้มากที่สุดได้อย่างไร”
สื่อมวลชนยังได้ถามต่อถึงสถานการณ์การเมือง ซึ่ง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า “สถานการณ์การเมืองขณะนี้มีความไม่มั่นคง และยิ่งเมื่อได้อ่านข้อมูลผลสำรวจความเห็นประชาชนจากนิด้าโพล ประชาชนส่วนใหญ่มีความต้องการให้มีการยุบสภา ซึ่งตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนมีความไม่มั่นใจในการทำงานของรัฐบาลและการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะพรรคการเมืองได้เตรียมความพร้อมต่อทุกความเปลี่ยนแปลง”